สนทนาธรรม ณ เมืองแคนดี้ 9/8/68 : 2

 
nattawan
วันที่  11 ส.ค. 2568
หมายเลข  50651
อ่าน  205

ความเข้าใจพระธรรมตามความเป็นจริงของพระพุทธเจ้า ก็จะรู้ว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ โลกจะปรากฏตามความเป็นจริงเมื่อเข้าใจโลกก่อน และจะเข้าใจโลกคือแต่ละหนึ่งที่เกิดและดับไปคือเข้าใจความจริงคือความเป็นธรรมะขณะนี้

อ.อรรณพ : แม้เป็นผู้ได้ประโยชน์จากพระธรรมเป็นผู้มีลาภแล้วแต่ยังไม่เต็ม (คืนพระจันทร์ 14 ค่ำ) เพราะฉะนั้นพระจันทร์ก็ยังพร่องอยู่เหมือนพวกเราแม้จะมีความเข้าใจพระธรรมบ้างก็ยังพร่องอยู่

ทอจ. : จากพวกเราตรงนี้ไปถึงดวงจันทร์ง่ายมากเร็วมากไปได้เร็วมากไม่รีรอตามปัจจัย แต่ทุกคำต้องพิจารณา ไม่ใช่ธรรมะของดิฉันแน่นอน ต้องตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพราะฉะนั้นคำของใคร คำของพระพุทธเจ้าที่ได้ตรัสรู้ทั้งสิ้น

แค่คำเดียวเราคิดละเอียดลึกซึ้งมั่นคงแค่ไหน โลกะ ... โลก ... อยู่ในโลกมีพระจันทร์ด้วย สารพัดอย่างในความคิดของเรา แต่รู้จักไหม ... เดี๋ยวนี้มีโลกไหม?! ต้องตรงตามความเป็นจริงเพราะธรรมะละเอียดลึกซึ้ง ถ้าสั้นความหมายความว่าเราพูดถึงหนึ่ง ... ถ้ายาวหมายความว่าเราพูดถึงเยอะ ... แล้วเรารู้อะไร?? เพราะฉะนั้นแต่ละหนึ่งเพียงแค่สั้นนี่แหละต้องรู้ความจริง เพราะฉะนั้นโลกอยู่ไหน ... ไหนเป็นโลก?? โลกคือการเห็น การได้ยินเพราะเกิดดับ ... มั่นคงว่าไม่มีเรา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 11 ส.ค. 2568

วันนี้เป็นการสนทนาธรรมะซึ่งลึกซึ้ง ... แต่ละคำ ... แม้แต่เพียงคำว่าโลกะ ... โลก ถ้าไม่มีการเกิดขึ้น ... ไม่มี!!! เพราะฉะนั้นทุกอย่างสิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ ไม่ได้พูดถึงคน เฉพาะสิ่งที่กระทบตาปรากฏเดี๋ยวนี้เป็นโลก..ถ้าไม่มีแต่ละหนึ่งๆ โลกใหญ่ที่เราคิดว่าอยู่ในโลก ... ก็มีไม่ได้ ... เริ่มแตกแยกเป็นโลกเป็นโลกที่เกิดดับ ... วิปัสสนาประจักษ์แจ้งเพราะนี้จริง แต่ไม่ใช่ฟังๆ แล้วไปนั่งจ้องให้โลกเกิดดับ ... ไม่ใช่อย่างนั้นเลย

รู้จักโลกแล้วรู้จักโลกุตระไหม?? ต้องเข้าใจคำที่ใช้ ไม่ใช่ภาษาของใครทั้งสิ้น แต่เป็นคำของพระพุทธเจ้าในภาษามคธี เพราะฉะนั้นโลกกับโลกุตระเหมือนกันหรือต่างกัน?? ต้องอาศัยคำที่พระพุทธเจ้าตรัส แต่ไม่ใช่เพียงฟัง ต้องเข้าใจในความลึกซึ้งของคำนั้น

โลกะ คือ สภาพธรรมะที่เกิดดับโลกุตระ คือ สิ่งที่เหนือการเกิดดับ ... ธรรมะที่พ้นจากการเกิดดับคือสภาพธรรมะที่เป็นนิพพานที่ไม่เกิดไม่ดับ และสภาพธรรมะที่ดับกิเลสและเป็นผลของการดับกิเลส คือ มรรคจิตและผลจิต ... เป็นฝักฝ่ายของการดับการเวียนว่ายตายเกิด

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 11 ส.ค. 2568

ได้ฟังโลกะคือสภาพธรรมะที่เกิดดับซึ่งมีจริงๆ ในขณะนี้ และธรรมะที่พ้นจากความเป็นโลกคือนิพพาน มรรคจิตและผลจิต จึงเป็นโลกุตรธรรม 9

ฟังแล้วเข้าใจไหม?? มีตั้งหลายคำ ... ฟังแล้วเข้าใจไหม?? ไม่เข้าใจแต่รู้ความหมายเท่านั้น!!! แต่เข้าใจแต่ละคำ ... จิต ... ธรรมะที่เกิดด้วยกันสารพัดอย่าง เพราะฉะนั้นต้องมาตั้งแต่ต้นให้ชัดเจน เข้าใจไม่ใช่จำ แต่เดี๋ยวนี้ยังไม่ได้ประจักษ์โลก เพียงได้ยินชื่อโลกและเริ่มเข้าใจความเป็นโลก มิฉะนั้นไม่ลึกซึ้ง เมื่อได้ฟังเข้าใจจึงรู้ความลึกซึ้ง คือ พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมี แต่คนฟังมีบารมีมากแค่ไหน ... ฟังแล้วเข้าใจแค่ไหน ... ต้องต่างกัน ... แต่ต้องเป็นคนตรงสัจจบารมีที่มั่นคงจริงๆ

สนทนาธรรมต้องตรง ทุกคนฟังเพื่อเข้าใจ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ส.ค. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ