สนทนาธรรม ณ เมืองแคนดี้ 9/8/68 : 3

 
nattawan
วันที่  11 ส.ค. 2568
หมายเลข  50654
อ่าน  204

... ไม่ตรง ... เพราะฉะนั้นกว่าจะตรงจนกระทั่งสามารถประจักษ์แจ้งสิ่งที่แสนสั้นเพียงแค่เกิดแล้วดับจะเป็นไปได้หรือ?! เมื่อความเป็นเราถึงปานนั้น ... ฟังศึกษาไม่ได้เพื่อความเข้าใจ ไม่ได้เพื่อความแจ่มแจ้ง ไม่ใช่เพื่อการละความไม่รู้ แต่ฟังเพื่อเรารู้ ไม่ใช่เราตอบผิด ... เห็นไหมว่ากิเลสแค่ไหน??

... ไม่รู้ ... นี่คือสัจจะ เพราะฉะนั้นฟังมาตั้งกี่ชื่อ พูดตามได้กี่ชื่อ แต่ไม่ได้เข้าใจเพราะว่าต้องเป็นไปตามลำดับ แม้แต่คำว่าจิต ได้ยินคำนี้ ... รู้ว่ามี ... เดี๋ยวนี้ก็มี ... แต่ยังไม่รู้ความเป็นจิตหรือธาตุหรือธรรมะที่เป็นจิต ... นี่คือตรง!! ... ตระหนักในความลึกซึ้ง ... ไม่ใช่ว่าจำแล้ว รู้แล้ว ตอบได้ พอตอบได้ก็ดีใจว่าเราตอบได้ ไม่ได้ละอะไรเลย!!!

รู้เรื่องโลก ... ตอบได้ว่าโลกคืออะไร ... รู้เรื่อง ... แต่เดี๋ยวนี้เป็นโลก ... ไม่รู้จักโลกเดี๋ยวนี้ โลกไม่ได้ปรากฏตามความเป็นจริง ... สิ่งที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งและไม่เคารพในพระรัตนตรัยอย่างยิ่ง ... ฟังแล้วคิดเอง!!! แต่ลองคิด ... ถ้าไม่มีอะไรเกิดก็ไม่มีอะไรจะปรากฏเลย ใช่ไหม?!

แต่ละคำเข้าใจมั่นคงจริงๆ ทีละหนึ่ง!!


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 11 ส.ค. 2568

อ.อรรณพ : ความเข้าใจโลกที่เป็นสถานที่และบุคคลต่างๆ ของผู้ที่ไม่ได้เข้าใจสังขารโลก กับความเข้าใจโอกาสโลกและสัตวโลกของผู้ที่เข้าใจโลกตามความเป็นจริงคือสังขารโลกต่างกันอย่างไร??

ทอจ. : ถ้าไม่มีธาตุรู้ที่กำลังพูดเรื่องโอกาสโลก ถ้าไม่มีธาตุรู้ที่พูดหรือคิดคำว่าโอกาสโลก ... จะมีโอกาสโลกเป็นคำไหม ... นี่แหละความลึกซึ้ง กำลังมุ่งไปหาโอกาสโลก แต่ลืมว่าธาตุรู้ที่เกิดขึ้นคิดถึงคำว่าโอกาสโลกนั่นแหละคือโลกที่แท้จริง

อ.อรรณพ : หมายความว่าที่มีสมมุติเพราะมีปรมัตถ์แต่ละอย่างนั่นเอง แม้ในขณะนี้ก็เป็นความคิด ความรู้สึกที่เป็นไปในเรื่องเหล่านี้

ทอจ. : เพราะฉะนั้นจะไม่มีคำของใครแทรกได้ ... โลกคืออะไร ... โลกคือสภาพธรรมะที่เกิดจึงมี ... แค่นี้กินความตลอดไหม?! ถ้าไม่เกิดจะมีไหม ... ไม่ว่าจะเป็นสัตวโลก สังขารโลก โอกาสโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ อะไรต่างๆ ... มีไหม ... นี่เป็นเรื่องที่กว่าจะเข้าใจธรรมะและค่อยๆ ละคลายความเป็นเราหรือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด จะต้องมีความละเอียด มีความลึกซึ้ง มีความตรงต่อธรรมะว่าเกินกว่าที่ใครคิดง่ายๆ ว่าจะไปละความไม่รู้โดยวิธีนั้นวิธีนี้ แต่เป็นผู้ที่ต้องมีสัจจะ แต่ละคำเว้นไม่ได้แม้แต่คำว่าโลกะ เข้าใจพื้นเลยคำว่าโลกทั้งหมด ... ถ้าไม่เกิดมีไหม ไม่ว่าโลกใดๆ ทั้งหมด สัตวโลก โอกาสโลก สังขารโลก ถ้าไม่เกิดไม่มี!!!

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 11 ส.ค. 2568

โลกะคือสิ่งที่เกิด แต่ข้อสำคัญคือความลึกซึ้งมหาศาลยิ่งกว่านั้น ... ใครทำให้โลกเกิดได้?! ไม่มี เพราะแม้แต่ใครก็ต้องเกิด แล้วอะไรจะไปทำให้อะไรเกิด?! ในเมื่อทั้งหมดต้องเกิดเพราะเหตุปัจจัย

โลกะสิ่งที่เกิดทั้งหมด ... มั่นคงไหม?? ไม่ว่าอะไรทั้งหมดมีเมื่อเกิด แค่นี้เป็นกุศลไหม เป็นปัญญาไหม เป็นความรอบรู้ไหม ที่จะไม่ไปนั่งปฏิบัติหรือให้ใครไปทำอะไรโดยไม่รู้ว่าเป็นอะไร!!แม้แต่เดี๋ยวนี้มีโลกแน่เพราะเกิด ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ รู้คำที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ใช่พอได้ยินคำไหนเอาคำของเราหรือของใครก็ไม่รู้ใส่เข้าไปเต็มเลย ... ต้องตัดออกหมด ถ้าไปเพิ่มเติมสนใจยินดีในคำเหล่านั้น แล้วจะเข้าใจคำของพระพุทธเจ้าได้อย่างไรในความลึกซึ้ง

หนทางศึกษาธรรมะต้องเป็นผู้ตรงต่อคำที่กล่าวถึงความจริงจากผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้แล้ว คนที่ไม่รู้ก็กล่าวเรื่องโลกหลายอย่างใช่ไหม??

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 11 ส.ค. 2568

อ.อรรณพ : กว่าที่โลกจะปรากฏตามความเป็นจริงก็ยาก โดยเฉพาะโลกของธาตุรู้ซึ่งไม่ขาดเลยแต่ก็ยากที่จะรู้ ... ยากจริงๆ

ทอจ. : ยากก็ต้องตรง ถ้าไม่มีอะไรเกิดจะมีอะไรไหม ... เท่านั้นจบ!! เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดเป็นโลกใช่ไหม ... แต่ละโลกใช่ไหม ... ตอนนี้รู้จักโลกแล้วใช่ไหม ... ถึงจะค่อยๆ รู้ว่าสังขารโลกต้องมีการปรุงแต่งอาศัยกันเกิดขึ้น

จากคำที่มั่นคงคำเดียวพอได้ยินคำว่าสังขารโลกก็รู้ว่าหมายความถึงสิ่งที่มีเมื่อเกิด และต้องอาศัยกันและกันอย่างไร ... ก็เพิ่มความหมายว่าเป็นสังขารโลกเพราะว่าเกิดเองไม่ได้

อ.อรรณพ : แช่มชื่นในการที่ได้ยินคำที่จะทำให้ค่อยๆ รู้จักโลกขึ้นตามลำดับ ... เกิดมาก็เป็นเราลืมตาดูโลกทุกวันและไม่รู้จักโลก แล้วก็แม้จะศึกษาคำในพระไตรปิฎก ... ก็จำได้ ... ลวงแล้วว่าเข้าใจโลก ... ขณะนั้นคือความคิดความสำคัญตนซึ่งกำลังเกิดขึ้นเป็นโลกที่คิดและมีความสำคัญว่าเราเข้าใจโลก ขณะนั้นเรื่องของความคิดเข้าใจโลกกำลังเกิดขึ้น

ทอจ. : ถ้าเรามัวไปฟังคำคนอื่นๆ ว่าโลกอย่างนี้อย่างนั้น เราจะสามารถเข้าใจเหมือนอย่างที่เราได้เข้าใจไหม?เพราะฉะนั้นโอกาสเดียวที่จะได้รู้จักพระพุทธเจ้า ระลึกถึงคุณไม่ว่าโอกาสใดทั้งสิ้น จะเห็นพระบรมสารีริกธาตุหรือไม่เห็น พระคุณอยู่ที่ได้เข้าใจ อยู่ที่ใจสามารถกราบไหว้ระลึกถึงได้ตลอดเวลาเมื่อมีปัจจัยเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นคำของพระพุทธเจ้าที่ลึกซึ้งเท่านั้นที่ควรฟัง ควรไตร่ตรอง ควรศึกษา ควรเข้าใจ เพราะสามารถที่จะรู้แจ้งความจริงที่เป็นอริยสัจจธรรม

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ส.ค. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ