สนทนาธรรม ณ เมืองแคนดี้ 9/8/68 : 1

 
nattawan
วันที่  11 ส.ค. 2568
หมายเลข  50648
อ่าน  249

ปัญญาที่แยกธาตุรู้กับรูปธรรมไม่มีทางที่จะเป็นอย่างเดียวกันได้ ปัญญาระดับนั้นมาจากไหน ถ้าไม่มาจากเดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้นขณะที่เข้าใจเดี๋ยวนี้ค่อยๆ ละความหวังจะไปรู้ความจริงเมื่อไหร่ เพราะขึ้นอยู่กับเหตุ

ได้ยินแล้วจำ จะถึงไหม จะประจักษ์แจ้งไหม??

หลับตา ... สิ่งที่ปรากฏหายทันที..ทันทีเป็นไปได้อย่างไรที่หลับตา ... แล้วก็ลืมตา ... ทันทีที่ลืมตาก็มีทุกอย่าง ... แสดงความรวดเร็วสุดที่จะประมาณได้

สิ่งที่กระทบตาเป็นปัจจัยให้ธาตุรู้ที่ ... ภายในที่สุดเพราะไม่ปรากฏเกิดขึ้นเห็นเดี๋ยวนี้ ... ค่อยๆ รู้ความจริงเพื่อละความเป็นเรา ... ไม่ใช่ต้องไปทำอะไรเลย ไม่ใช่ไปนั่งไม่ไปไหนอยู่ในห้อง ... แล้วจะรู้สิ่งที่กำลังมีจริงเดี๋ยวนี้หรือถ้าไม่รู้สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ชื่อว่ารู้จรองหรือเปล่า!!! ... ต้องมั่นคงระดับไหน

เป็นบุญหรือลาภที่ประเสริฐยิ่งที่มีโอกาสได้ฟังคำที่จะปลูกฝังให้มั่นคงต่อสัตว์จากความจริง เพราะความจริงลึกซึ้งมาก


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 11 ส.ค. 2568

ผู้ที่ไม่ศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพ ... จะไม่รู้ความละเอียดลึกซึ้ง ... แล้วจะไปละอะไรได้

ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ใครจะเปลี่ยนในเมื่อทุกอย่างเกิดตามปัจจัยเท่านั้นไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ เกิดแล้วเดี๋ยวนี้ตามปัจจัยที่ได้สะสมมา ... ไม่มีใครจะไปเปลี่ยน เพราะไม่มีใคร มีแต่ธรรมะ

แม้แต่คำว่าธรรมะ วันนี้ได้ฟังแค่นี้จะมั่นคงต่อไปอีกแค่ไหน?? มีเสียง ... รู้ไหม ... เสียงชมหรือเสียงติเตียนว่าร้ายต่างๆ เสียงเป็นเสียง ได้ยินเป็นได้ยิน

กิเลสอยู่ไหน?? โกรธไหม? ไม่พอใจไหม? ห้ามได้ไหม ... ห้ามไม่ได้พยายามจะไปห้าม จะไปเป็นคนดีได้ไหม?? ... ต้องเป็นหน้าที่ของปัญญา ... ถ้าไม่มีปัญญา ... อาจจะพยายามข่มระงับ ... หน้าก็แดง ... ข่มไปเท่าไหร่คนอื่นก็รู้ว่านี่กำลังโกรธนะ ... ซ่อนไม่ได้เพราะเป็นรูปที่เกิดจากจิต

เป็นเรื่องที่ละเอียดที่สุด เป็นพระมหากรุณาเกินกว่าที่จะประมาณได้ เพราะฉะนั้นระลึกถึงพระคุณได้ทุกขณะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 11 ส.ค. 2568

ต้องมีความเข้าใจความต่างจริงๆ ของกุศลธรรมฝ่ายดีและอกุศลธรรมฝ่ายไม่ดี

การที่จะเข้าใจธรรมะต้องเริ่มจากการที่ละความคิดและความหวังเพราะต้องการ ไม่รู้จึงต้องการ แต่หารู้ไม่ความหวังติดตามอยู่ตั้งแต่ตื่นจนหลับตั้งแต่เกิดจนตายกี่ชาตินับประมาณไม่ได้ เพราะฉะนั้นเหตุกับผลต้องตรงกัน ความเข้าใจเท่านั้นที่จะทำให้เห็นโทษของอกุศล และอบรมเจริญปัญญาตามลำดับขั้นโดยไม่ใช่เรา!!!

โกรธก็ไม่ใช่เรา ... ไม่โกรธก็ไม่ใช่เรา ... จริงไหม ... ถูกไหม ... กว่าจะรู้ว่าธรรมะทั้งปวงเพราะสิ่งที่มีจริงทั้งหมดไม่ว่ากุศลหรืออกุศลเป็นอนัตตาไม่ใช่เรา ... เป็นการเกิดขึ้นเป็นไปของกุศลธรรมและอกุศลธรรมไม่มีการหยุดเป็นเหตุที่จะให้มีการเกิดต่อๆ ไป

ขณะนี้เป็นสัจจบารมี ถ้าจะรู้ว่าธรรมะเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เพียงขั้นฟังแต่ประจักษ์แจ้ง ถ้าไม่รู้ความจริงเดี๋ยวนี้จะไปรู้เมื่อไหร่?? ลองตอบสิถ้าเป็นคนตรง!!!

ทุกคำที่ได้ตรัสแล้วจากพระโอษฐ์ที่ได้ตรัสรู้ยังคงมีอยู่ที่จะให้เรามีโอกาสได้ฟัง จากมนุษย์ ... ในสวรรค์ก็มีศาลาสุธรรมา ... ทำให้มีโอกาสได้ฟังอีก ก็ต้องเนื่องมาจากเห็นประโยชน์ของการฟังและรู้ว่าประเสริฐยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ

ขออุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้วแด่คุณฮัง ขอคุณฮังจงมีจิตโสมนัสยินดีอนุโมทนาในส่วนกุศลนี้ด้วยเทอญ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 11 ส.ค. 2568

ขอให้คุณฮังได้ฟังธรรมในสุคติภูมิค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ส.ค. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ