ปาฏิหาริย์มี ๓ อย่าง คือ อาเทสนาปาฏิหาริย์ อิทธปาฏิหาริย์ และอนุสาสนีปาฏิหาริย์

 
nattawan
วันที่  6 ส.ค. 2568
หมายเลข  50603
อ่าน  140

ท่านอาจารย์ ปาฏิหาริย์มี ๓ อย่าง คือ อาเทสนาปาฏิหาริย์ อิทธปาฏิหาริย์ และอนุสาสนีปาฏิหาริย์

อิทธิปาฏิหาริย์ คือ การที่สามารถจะเหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ต้องเป็นของจริง ไม่ใช่ของปลอม ทำในเวลาคนไม่เห็น แล้วก็มีข้าวทิพย์ใส่ในบาตรอะไรอย่างนั้น ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นเหตุทุกอย่างต้องสมควรแก่ผล ผลที่จะทำอย่างนั้นได้จริงๆ จิตใจจะต้องประกอบด้วยสติสัมปชัญญะอย่างที่ได้เรียนให้ทราบแล้วว่า ขณะนี้ไม่รู้ลักษณะของกุศลจิตและอกุศลจิต ซึ่งเกิดสลับกันแล้วละก็ไม่ถึงฌานจิต และการที่จะได้อิทธิปาฏิหาริย์ไม่ใช่เพียงปฐมฌาน ซึ่งก่อนจะถึงปฐมฌาน ก็จะต้องมีสมาธิเป็นลำดับขั้นที่จิตเป็นกุศลแล้วสงบขึ้น เพราะฉะนั้นก็ผ่านไปได้เลยเรื่องของการที่จะทำให้จิตสงบจนกระทั่งฌานจิตเกิด จนกระทั่งกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ ได้ เพราะเหตุว่าแม้ผู้ที่กระทำอิทธิปาฏิหาริย์ก็ต้องตาย แล้วก็ต้องเกิด แล้วจะมีประโยชน์อะไรกับการหลงทำอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ ซึ่งไม่มีทางที่จะรู้จักสภาพธรรมจนกระทั่งดับกิเลสหรือดับทุกข์ได้

กิเลสอยู่ที่จิต ขณะนี้มีกิเลสประเภทไหน ถ้าคนนั้นยังไม่รู้ตามความเป็นจริงก็ดับกิเลสไม่ได้ เหมือนอย่างจะดับไฟ ยังไม่รู้เลยว่าไฟอยู่ที่ไหน แต่จะดับไฟ แล้วจะดับไฟได้ไหม ฉันใด ขณะนี้จิตกำลังมีกิเลสประเภทไหนบ้าง ขณะไหนบ้าง ถ้าสติสัมปชัญญะไม่เกิด ไม่มีทางที่จะดับได้เลย เพราะฉะนั้นอิทธิปาฏิหาริย์ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเหตุว่าผู้ที่จะทำอิทธิปาฏิหาริย์ก็ต้องตายโดยมีกิเลส เมื่อปัญญาไม่เกิด

สำหรับ อาเทสนาปาฏิหาริย์ ก็คือการที่สามารถที่จะดักใจ หรือรู้จิตของคนอื่น ซึ่งแม้ยังไม่ใช่อิทธิปาฏิหาริย์ ทุกคนก็พอจะเดาๆ ใจกันได้บ้าง ถ้าเป็นผู้อันคุ้นเคย เพราะฉะนั้นถ้ามีปาฏิหาริย์ขั้นนั้น ก็ต้องเป็นการอบรมเจริญสมถภาวนาที่ต้องรู้ลักษณะของจิตขณะนี้เอง คือ สติสัมปชัญญะต้องสมบูรณ์ และปัญญาต้องมีกำลังพอที่จะระลึกรู้ลักษณะของจิตได้ จึงจะบรรลุถึงฌาน แล้วก็น้อมฌานจิตนั้นไปทำการฝึกหัด เป็นหูทิพย์บ้าง เป็นตาทิพย์บ้าง เป็นเหาะเหินเดินอากาศบ้าง เดินบนน้ำบ้างเหล่านี้ ซึ่งแม้ในเรื่องของการรู้ใจของบุคคลอื่น การรู้วาระจิตจริงๆ ก็จะต้องอาศัยความชำนาญของตนเอง ในการที่สติสัมปชัญญะสามารถที่จะระลึกแม้จิตของตนเองได้อย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นจึงสามารถจะระลึกรู้แม้จิตของคนอื่นได้อย่างรวดเร็วด้วย ซึ่งแม้จะระลึกอย่างนี้ ถ้ากิเลสยังไม่ดับหมด ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

เพราะฉะนั้นปาฏิหาริย์ที่ ๓ คือ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ คือ คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสัจจธรรม เป็นความจริง ซึ่งทำให้ผู้ฟังเริ่มเกิดปัญญาที่จะรู้จักตัวเอง และรู้จักโลก รู้จักสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกตามความเป็นจริง จนกระทั่งดับกิเลสได้ เพราะฉะนั้นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ก็เป็นเลิศ ด้วยเหตุนี้ผู้ที่เป็นสาวกทุกท่านต้องฟังพระธรรม เพราะเหตุว่าตนเองไม่ได้สะสมบารมีมาที่จะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระปัจเจกพุทธเจ้า

โสภณธรรม ครั้งที่ 131


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 6 ส.ค. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ