โคจระ หมายความว่า อารมณ์เฉพาะโดยนัยยะหลากหลาย

[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม 1 ภาค 1 - หน้า 228
อธิบายคําว่าจิต
พึงทราบวินิจฉัยในบทว่า จิตฺตํ สภาวะที่ชื่อว่าจิต เพราะอรรถว่าย่อมคิด คือว่า ย่อมรู้แจ้งซึ่งอารมณ์ อีกอย่างหนึ่ง ศัพท์ว่า จิต นี้ ทั่วไปแก่จิตทั้งปวง เพราะฉะนั้น ในบทว่า จิตฺตํ นี้ จิตใดที่เป็นกุศล อกุศล และมหากิริยาจิตฝ่ายโลกียะจิตนั้นชื่อว่าจิต เพราะอรรถว่าย่อมสั่งสมสันดานของตนด้วยสามารถแห่งชวนวิถี. ชื่อว่า จิต เพราะอรรถว่า เป็นธรรมชาติอันกรรมและกิเลสทั้งหลายสั่งสมวิบาก. อีกอย่างหนึ่งแม้ทั้งหมด ชื่อว่าจิต เพราะความเป็นธรรมชาติวิจิตรตามสมควร. ชื่อว่าจิต เพราะการทําให้วิจิตรพึงทราบเนื้อความในบทว่า จิตฺตํ นี้ ดังพรรณนามาฉะนี้.
อ.ธนากร: เมื่อวานนี้ก็ได้มีโอกาสสนทนาธรรมเรื่อง โคจระ ในชีวิตประจำวันครับ โคจระในชีวิตจริงซึ่งก็เป็นเครื่องเตือนใจอย่างยิ่งแม้แต่หัวข้อครับ เพราะว่า โคจระอย่างที่พวกเราก็ได้เรียนจากท่านอาจารย์ ซึ่งก็ได้นำข้อความตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎก อรรถกถา ให้พวกเราเข้าใจว่า พระธรรมทุกคำ เป็น โคจาระ เป็นที่อาศัยที่จะทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกว่าจะเป็น อุปนิสัย หรืออุปนิสยโคจาระ ที่จะมีที่เที่ยวไป คือพระธรรมที่ทรงแสดงครับ จนเป็นอุปนิสัยบ่อยๆ เนืองๆ คุ้นเคย และชินต่อการที่จะเข้าใจสิ่งที่พระองค์ได้ทรงแสดงไว้ครับ จนมีปัญญามากพอที่จะอารักขาจิตใจให้ไม่เป็นอกุศล ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ยากมากเลยครับ
แต่ว่า ก็ต้องเป็นโคจระในชีวิตจริงที่ไม่ได้อยู่ในตำรา ตัวหนังสือที่เรียงคำ แต่ว่า ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า ในชีวิตประจำวันกว่าพระธรรมแต่ละคำจะฝังลึกลงไปในจิตใจจะมั่นคงพอที่ค่อยๆ เริ่มอารักขาจิต ซึ่งในคลิปท่านอาจารย์ก็ได้ยกตัวอย่างว่า แม้แต่การที่จะโกรธคนที่เขาไม่ได้ศึกษาธรรมะ หรือไม่ได้ฟังธรรมะเหมือนอย่างเรา อันนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ถ้าขณะที่โกรธเกิด ขณะนั้นก็ไม่ได้อารักขาจิตเลย พระธรรมที่ได้ยินได้ฟังก็ไม่ได้มีประโยชน์ในตอนนั้น แม้จะมีประโยชน์ในตอนที่เคยเข้าใจแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่มากพอที่จะอารักขาจิตครับ
กราบเท้าเรียนสนทนาเพื่อความลึกซึ้งในเรื่องนี้ครับ
ท่านอาจารย์: ก็ต้องเข้าใจธรรมะ สิ่งที่มีจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ และทรงแสดงถึงความลึกซึ้งอย่างยิ่งตามลำดับ เริ่มตั้งแต่ โคจาระ คืออะไร? เคยได้ยินแล้วใช่ไหม ทั่วๆ ไปค่ะ โคจาระ
อ.ธนากร: หมายถึงอารมณ์เฉพาะที่ทำให้ จิต และก็เจตสิกในขณะนั้นรู้อารมณ์ครับ
ท่านอาจารย์: อารมณ์ คืออะไร?
อ.ธนากร: อารมณ์ หมายถึงสิ่งที่ถูกจิตรู้ครับ
ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้มีไหม?
อ.ธนากร: มีครับ
ท่านอาจารย์: เป็นโคจระหรือเปล่า?
อ.ธนากร: เป็นครับ
ท่านอาจารย์: อะไรเป็นโคจาระเดี๋ยวนี้?
อ.ธนากร: ขณะที่เห็นก็มีเฉพาะสีครับ ในขณะที่คิด ก็มีเรื่องที่คิดถึงครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น อารมณ์ก็เป็นคำธรรมดาทั่วไป เพราะเหตุว่า จิตเป็นสภาพรู้เกิดขึ้นแล้วไม่รู้อะไรไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้น สิ่งใดๆ ก็ตามทั้งหมด ยังไม่แยกยังไม่จำแนก สิ่งใดๆ ที่จิตรู้ สิ่งนั้นเป็นอารัมมณะ คือเป็นอารมณ์ของจิต มั่นคงไหม?
อ.ธนากร: มั่นคงขึ้นครับตอนที่คิดถึงคำนี้
ท่านอาจารย์: ในคำของ อารมณ์ เป็นสิ่งที่จิตรู้ แล้วทำไมจึงมีคำว่า โคจระ?
อ.ธนากร: เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า จิตมีความหลากหลายต่างกัน เพราะฉะนั้น ก็จะมีอารมณ์อย่างเดียวกันไม่ได้ แต่ว่าจะต้องมี โคจระ หรือว่าที่เที่ยวไปเฉพาะของ ตนๆ ตามจิตประเภทนั้นๆ หรือว่า ตามธรรมะที่เกิดขึ้นเป็นไปนั้นๆ ครับ
ท่านอาจารย์: เข้าใจ อารมณณะ แล้ว ตอนนี้ก็เข้าใจ โคจระ ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
อ.ธนากร: อารมณ์ หมายถึงสิ่งที่ถูก จิต และเจตสิกรู้ทั่วๆ ไป แต่ว่า ถ้าเป็นโคจระก็จะต้องเป็นอารมณ์เฉพาะของจิตแต่ละประเภทซึ่งต่างกันจะเหมือนกันไม่ได้ครับ เป็นการแสดงถึงความเป็นไปของธรรมะที่ต้องมีอารมณ์เฉพาะนั้นๆ ครับ อย่างเช่น จะพูดถึงความเข้าใจพระธรรม ก็ต้องเป็นพระธรรมที่ถูกเข้าใจ ไม่ใช่ไปเข้าใจเรื่องอื่นที่ไม่ใช่อารมณ์เฉพาะของความเข้าใจพระธรรม ก็เป็นโคจระที่แสดงถึงอารมณ์นั้นต้องเป็นอารมณ์เฉพาะของจิต หรือธรรมะประเภทนั้นๆ ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ก็มีคำอธิบายที่ยาวมากใช่ไหม?
อ.ธนากร: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: แต่ทุกอย่างเราไม่ต้องเพิ่มเติมหรือคิดเอง แต่ต้องเข้าใจแต่ละคำ ที่ใช้ต่างกันให้มั่นคง อารัมมณะ เป็นอารมณ์ของจิตเพราะจิตเกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์ ทุกอย่างต้องเป็นอารัมมณะขณะที่จิตนั้นรู้อารมณ์นั้น แต่มีคำว่า โคจระ หมายความว่า อารมณ์เฉพาะโดยนัยยะหลากหลาย
โคจระ ที่ไปของภิกษุต้องต่างกับที่ไปของคฤหัสถ์ คฤหัสถ์ไปเที่ยวไปพักผ่อนตามชายทะเลไปไหนก็ได้ นั่นหรือโคจระของภิกษุที่ละอาคารบ้านเรือน ละความติดข้องในทุกอย่าง เพื่อที่จะได้เข้าใจความลึกซึ้งของสิ่งที่มีที่จะค่อยๆ เข้าใจขึ้นตามที่ได้ฟังจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ละเว้นที่ไปอื่นๆ ของคนทั่วไป ก็เป็นอารมณ์เฉพาะของภิกษุใช่ไหม?
อ.ธนากร: ใช่ครับ ละเอียดมากครับ
ท่านอาจารย์: นี่ก็แสดงความต่างกันไม่ว่าเราจะพูดถึงคฤหัสถ์พูดถึงภิกษุพูดถึงอารมณ์ทั่วๆ ไป ไม่จำกัดว่าใคร แล้วก็ยังกล่าวเฉพาะบุคคลด้วย
เพราะฉะนั้น ก็ต้องเข้าใจความหมายของ โคจระ แต่ละแห่งว่า หมายถึงโคจาระที่ไหน ของใคร อย่างไร
แล้วก็มีคำว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาเดี๋ยวนี้ เป็นอารมณ์ของจิตเห็น และเป็นโคจระของจักขุวิญญาณถูกต้องไหม? เพราะจักขุวิญญาณจะไปรู้อะไรไม่ได้เลยทั้งสิ้น นอกจากสิ่งที่กระทบตาเท่านั้น จิตอื่นยังสามารถที่จะรู้อารมณ์อื่นได้ด้วย แต่จิตนี่ต้องรู้เฉพาะอารมณ์นั้นไปสู่อารมณ์นั้นเท่านั้น จะเป็นอย่างอื่นขณะอื่นรู้อย่างอื่นไม่ได้เลย แม้แต่การจะรู้อะไร ก็ต้องเป็นไปตามปัจจัย นี่คือความลึกซึ้งของธรรมะไม่ใช่เรา
เริ่มเห็นพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จิตก่อนที่จะเห็น รู้อารมณ์อื่นก็ได้ใช่ไหม?
อ.ธนากร: ได้ครับ
ท่านอาจารย์: จิตเห็น จักขุวิญญาณรู้อารมณ์อื่นได้ไหม?
อ.ธนากร: ไม่ได้เลยครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น รูปารัมมณะ คือสิ่งที่ปรากฏเดี๋ยวนี้ที่กระทบตา และจิตเห็นเกิดขึ้น เป็นโคจระของจักขุวิญญาณ เฉพาะจักขุวิญญาณซึ่งรู้อารมณ์อื่นไม่ได้ ต้องรู้เฉพาะอารมณ์นี้เท่านั้น
ขอเชิญอ่านเพิ่มได้ที่..
อาจาระและโคจร [ขุททกนิกาย อุทาน]
ขอเชิญฟังได้ที่..
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.ธนากร ด้วยความเคารพค่ะ


