ขันธ์ทั้งหลายนั่นเองย่อมปรากฏโดยปรมัตถ์ ไม่ใช่สัตว์

เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะพิจารณาระลึกรู้ลักษณะของรูปใดที่กาย ก็จะต้องรู้ว่า ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เพราะเหตุว่าเป็นขันธ์แต่ละขันธ์ที่เกิดแล้วก็ดับไป และก็ควรจะพิจารณาข้อความในพระไตรปิฎกและอรรถกถาให้สอดคล้องกันด้วย เช่น ข้อความในสัมโมหวิโนทนี อรรถกถาพระวิภังคปกรณ์ สัจจวิภังคนิทเทส มีข้อความว่า
ขันธ์ทั้งหลายนั่นเองย่อมปรากฏโดยปรมัตถ์ ไม่ใช่สัตว์
นี่คือผู้ที่รู้จักขันธ์ เข้าใจขันธ์ ไม่ใช่เห็นขันธ์เป็นตัวตน
ขันธ์ทั้งหลายนั่นเองย่อมปรากฏโดยปรมัตถ์ ไม่ใช่สัตว์
นี่คือลักษณะของขันธ์จริงๆ แต่เพราะเหตุว่าไม่เข้าใจขันธ์ว่าเป็นขันธ์ ก็เลยยึดถือขันธ์ว่าเป็นตัวตน ทั้งๆ ที่ขันธ์โดยสภาพแล้วย่อมปรากฏโดยปรมัตถ์ เช่น สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นรูป เป็นสิ่งที่มีจริง ที่เป็นรูปเพราะเหตุว่าไม่ใช่สภาพรู้ สีสันต่างๆ ที่กำลังปรากฏทางตาไม่ใช่สภาพรู้ เพราะฉะนั้นขันธ์นั่นเองย่อมปรากฏโดยปรมัตถ์
ไม่ได้ปรากฏว่าเป็นอย่างอื่นเลย เป็นเพียงสีหลายๆ สี แต่ว่าเมื่อไม่รู้ว่าเป็นขันธ์ที่ปรากฏโดยความเป็นปรมัตถ์ ก็ยึดถือขันธ์นั้นว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นสิ่งต่างๆ


