อัตตสัญญาคืออะไร

 
nattawan
วันที่  24 ก.ค. 2568
หมายเลข  50485
อ่าน  132

มีท่านผู้หนึ่งที่ท่านถามว่า อัตตสัญญาคืออะไร

สัญญาเป็นสภาพที่จำ อัตตะ คือ ความเห็นหรือความยึดถือว่าเป็นตัวตน ซึ่งความจริงแล้ว คำนี้ไม่น่าจะสงสัยเลย เพราะเหตุว่าทุกคนมีอัตตสัญญาจนกว่าจะถึงความเป็นพระโสดาบันบุคคลที่จะดับความยึดถือสภาพธรรมว่า เป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลได้ แต่ว่าก่อนที่จะถึงขณะที่สติเกิด แล้วก็ปัญญาศึกษาลักษณะของสภาพธรรม จนกระทั่งรู้ชัดประจักษ์แจ้งในสภาพที่ไม่ใช่ตัวตน ขณะนั้นก็จะต้องมีสัญญา ความทรงจำในสิ่งที่ปรากฏ เพราะแม้ว่าจิตจะเกิดขึ้นเพียงขณะเดียว และก็รู้รูปที่ปรากฏได้ทีละทวาร ทีละทาง ทีละลักษณะ ซึ่งความจริงรูปนั้นก็เป็นรูปที่ละเอียดมากจริงๆ ไม่ใช่รวมกันเป็นก้อน เป็นแท่ง เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนเลย แต่ว่าเมื่อสติไม่ได้เกิด ไม่ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏแต่ละทวารตามความเป็นจริง ก็มีการเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมที่ปรากฏว่า เป็นอัตตา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด รวมทั้งการเห็น ซึ่งอาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น แล้วก็ดับไป ก็เป็นเพียงชั่วขณะเดียว แต่ว่าเมื่อไม่รู้ความจริงอย่างนี้ ก็ทำให้มีอัตตสัญญา มีความทรงจำว่า เป็นเราที่เห็น และก็สิ่งที่เห็นนั้นก็เป็นสัตว์ เป็นบุคคลต่างๆ

เป็นความจริงไหม ในชีวิตประจำวัน ขณะนี้เห็นอะไร อัตตสัญญา แน่นอนค่ะ ที่ว่าเห็นคน เห็นวัตถุ เห็นสิ่งต่างๆ

เพราะฉะนั้น อนัตตสัญญา สัญญาที่จะจำว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่วัตถุใดๆ เลย เพียงฟังไม่สามารถที่จะทำให้สิ่งที่เคยเห็นว่าเป็นคน เป็นสัตว์ กลายเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น ทั้งๆ ที่โดยสภาพตามความเป็นจริง ถ้าจะน้อมพิจารณาทีละเล็กทีละน้อย เช่น ถ้าหลับตาเสีย สิ่งที่กำลังปรากฏทางตาในขณะนี้ไม่ปรากฏ

นี่เป็นความจริง แต่ว่าทำอย่างไรเวลาที่ไม่หลับตา พอเห็นก็เป็นคนนั้น คนนี้ เป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่เสมอ

เพราะฉะนั้นการฟังธรรม การศึกษาธรรม ก็จะต้องพิจารณาบ่อยๆ เนืองๆ พิจารณาแล้ว พิจารณาอีก พิจารณาละเอียดจนกระทั่งเข้าใจแม้แต่คำที่ใช้เพื่อที่จะให้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม เช่น สิ่งที่ปรากฏทางตา คำนี้เป็นคำที่ถูกต้องที่สุด ธรรมชนิดหนึ่งซึ่งปรากฏได้ทางตา บางคนก็อาจจะคิดว่า ในขณะนี้เห็นสีต่างๆ เป็นความจริงหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีเขียว สีฟ้า สีเหลือง ต้องปรากฏเมื่อกระทบกับจักขุปสาท นี่เป็นสิ่งที่จริง เห็นสี บางคนก็บอกว่าเห็นสี แต่ขอให้เข้าใจว่า สีคืออะไร สีคือสิ่งที่ปรากฏทางตา ต้องไม่ลืมอีก เพราะมิฉะนั้นแล้วจะเกิดการเพ่งเล็งนิมิตและอนุพยัญชนะ คือ รูปร่างสัณฐานและส่วนละเอียดจากสีต่างๆ ลืมที่จะพิจารณาว่า ไม่ว่าเป็นสีอะไรทั้งหมด ลักษณะจริงๆ ธาตุชนิดหนึ่ง ธาตุชนิดนั้นที่ปรากฏเป็นสีต่างๆ ตามความเป็นจริงแล้วเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น

เพราะฉะนั้นเวลาที่เกิดอัตตสัญญาขึ้น ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงได้เห็นว่า เป็นคน เป็นสัตว์ เป็นวัตถุต่างๆ จากสิ่งที่ปรากฏทางตา แต่จะต้องพิจารณาให้ละเอียดว่า เพราะสนใจในสีต่างๆ ขณะใดก็ตามที่มีความสนใจในสีต่างๆ จะทำให้เกิดรูปร่างสัณฐาน ความทรงจำในรูปร่างสัณฐานขึ้น เพราะเหตุว่าในคนหนึ่งที่เห็นว่าเป็นคน มีหลายสี มีสีดำ มีสีขาว มีสีเนื้อ มีหลายๆ สีทีเดียว ถ้าไม่ใส่ใจในสี จะไม่เกิดรูปร่างสัณฐานขึ้น

เพราะฉะนั้นในขณะใดก็ตามที่มีความเห็น หรือว่าความสนใจ ความติด ความเพลินในมินิตรูปร่างสัณฐาน และในอนุพยัญชนะส่วนละเอียดของสิ่งที่ปรากฏ ให้ทราบว่าในขณะนั้นเพราะสี จึงทำให้เกิดสัณฐานขึ้น แต่ถ้าในขณะนี้เอง ไม่ว่าจะเป็นสีสันอะไรก็ตาม เป็นกี่สีก็ตาม แต่ว่าปัญญาเริ่มพิจารณาที่จะไม่สนใจในนิมิตอนุพยัญชนะ คือในสีต่างๆ แต่ว่ารู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นสีอะไรก็ตามเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา

นี่คือการที่จะเริ่มเข้าถึงลักษณะของสภาพธรรมที่ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคลทางตาที่กำลังปรากฏ ซึ่งเคยยึดถือเป็นอัตตสัญญา เป็นความทรงจำว่ามีตัวตน

เพราะฉะนั้น ที่จะเพิกถอนอัตตสัญญาได้ ก็จะต้องรู้เหตุด้วยว่า ที่มีอัตตสัญญา เพราะสนใจในสีที่ปรากฏ จึงทรงจำสัณฐานต่างๆ คือ นิมิตและส่วนละเอียดต่างๆ คือ อนุพยัญชนะ เพราะฉะนั้นหนทางที่จะรู้ว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาแม้ว่าจะเป็นสีต่างๆ ก็ตาม แต่ว่าโดยสภาพความจริงของสิ่งนั้นก็คือว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างนี้ คือ สติเกิดแล้วก็ระลึกเนืองๆ บ่อยๆ ก็จะเข้าใจในความหมายที่ว่า ไม่ติดในนิมิตอนุพยัญชนะ แล้วก็เริ่มที่จะละคลายอัตตสัญญาในสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา

โสภณธรรม ครั้งที่ 059


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ก.ค. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 27 ก.ค. 2568

เพราะฉะนั้นหนทางที่จะรู้ว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาแม้ว่าจะเป็นสีต่างๆ ก็ตาม แต่ว่าโดยสภาพความจริงของสิ่งนั้นก็คือว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างนี้ คือ สติเกิดแล้วก็ระลึกเนืองๆ บ่อยๆ ก็จะเข้าใจในความหมายที่ว่า ไม่ติดในนิมิตอนุพยัญชนะ แล้วก็เริ่มที่จะละคลายอัตตสัญญาในสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

ยินดีในความดีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 27 ส.ค. 2568

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ