มีสิ่งที่ปรากฏแต่ไม่ได้ปรากฏตามความเป็นจริง

 
เมตตา
วันที่  27 ธ.ค. 2566
หมายเลข  47195
อ่าน  270

สนทนาธรรม ณ แดนพุทธภูมิ @มุมไบ วันพุทธที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๖ (ช่วงบ่าย)

โนเจทสูตร สังยุตตนิกาย นิทานวรรค (ข้อ ๔๐๘)

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ถ้าว่าความแช่มชื่นแห่งปฐวีธาตุไม่ได้มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลายไม่พึงยินดีในปฐวีธาตุ ก็เพราะความแช่มชื่นแห่งธาตุมีอยู่แล ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลายจึงยินดีในปฐวีธาตุ ถ้าว่าโทษแห่งปฐวีธาตุไม่ได้มีแล้วใซร้ สัตว์ทั้งหลายก็ไม่พึงเบื่อหน่ายในปฐวีธาตุ

ถ้าว่าเครื่องสลัดออกแห่งปฐวีธาตุไม่ได้มีแล้วไซร้ สัตว์ทั้งหลายก็ไม่พึงสลัดตนออกจากปฐวีธาตุ ก็เพราะเครื่องสลัดออกจากปฐวีธาตุมีอยู่แล ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลายจึงสลัดตนออกจากปฐวีธาตุ

ข้อความต่อไปเป็นอาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ โดยนัยเดียวกัน

เป็นเรื่องธรรมดาทุกๆ วัน ที่ไม่เคยหน่าย ไม่เคยคลาย ไม่เคยเห็นโทษ ไม่เคยรู้ชัด เพราะว่าข้ามไป เห็นว่าเป็นสิ่งที่ปกติธรรมดาๆ เท่านั้นเอง แต่ความจริงแล้ว การรู้ชัดต้องรู้ชัดในสิ่งที่ปรากฏตามความเป็นจริงจึงจะละคลายได้


พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 38

ธัมมุทเทส ๔

[๔๔๖] ท่านพระรัฐปาละถวายพระพรว่า มีอยู่แล มหาบพิตร พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธัมมุทเทส ๔ ข้อ ที่อาตมภาพรู้เห็นและได้ฟังแล้ว จึงออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต. ธัมมุทเทส ๔ ข้อเป็นไฉน คือ

๑. ดูก่อนมหาบพิตร ธัมมุทเทสข้อที่หนึ่งว่า โลกอันชรานำเข้าไปไม่ยั่งยืน ดังนี้แล อันพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงแล้ว ที่อาตมภาพรู้เห็นและได้ฟังแล้ว จึงออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต.

๒. ดูก่อนมหาบพิตร ธัมมุทเทสข้อที่สองว่า โลกไม่มีผู้ต้านทาน ไม่เป็นใหญ่เฉพาะตนดังนี้แล อันพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็นเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงแล้ว ที่อาตมภาพรู้เห็นและได้ฟังแล้วจึงออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต.

๓. ดูก่อนมหาบพิตร ธัมมุทเทสข้อที่สามว่า โลกไม่มีอะไรเป็นของตนจำต้องละสิ่งทั้งปวงไปดังนี้แล อันพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงแล้ว ที่อาตมภาพรู้เห็นและได้ฟังแล้ว จึงออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต.

๔. ดูก่อนมหาบพิตร ธัมมุทเทสข้อที่สี่ว่า โลกบกพร่องอยู่เป็นนิตย์ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหาดังนี้แล อันพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงแล้ว ที่อาตมภาพรู้เห็นและได้ฟังแล้ว จึงออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต


ชาวอินเดีย: พระพุทธองค์ออกจากเรือน ออกจากวังเพราะอะไร?

ท่านอาจารย์: เพราะรู้ว่า มีสิ่งที่ปรากฏ แต่ไม่ได้ปรากฏตามความเป็นจริง เพราะสิ่งที่ปราฏเดี๋ยวนี้เหมือนไม่ดับเลย แต่ทำไมบางครั้งเป็นสุข บางครั้งเป็นทุกข์ บางครั้งเห็น บางครั้งได้ยิน ไม่เหมือนกัน ไม่พร้อมกัน เพราะอะไร

ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนสิ่งที่เกิดแล้วไม่ให้เกิดขึ้น หรือให้เป็นอย่างอื่นได้ เพราะฉะนั้น ขณะนั้นต้องไม่มีใครเลย นอกจากธรรมที่เกิดโดยไม่มีใครทำให้เกิดขึ้น พระองค์ได้สะสมความเข้าใจว่า สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้สามารถเข้าใจได้ เพราะมีจริงๆ เปลี่ยนความจริงนี้ไม่ได้ พระองค์ไม่ประสงค์ที่จะรู้อย่างอื่น เพราะว่า ถ้าไม่มีเห็น ไม่มีได้ยิน ไม่มีได้กลิ่น ไม่มีลิ้มรส ไม่มีการรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่คิดนึก สิ่งต่างๆ ก็จะไม่มีเลย

เพราะฉะนั้น ตั้งแต่เกิดมีสิ่งที่ปรากฏแล้วหมดไป บังคับไม่ให้เกิดอีก ไม่ให้มีอีกไม่ได้เลย เพราะตราบใดที่มีเหตุที่จะให้เกิดก็ต้องเกิด ใครเคยคิดอย่างนี้อย่างที่เจ้าชายสิทธัตถะคิดก่อนที่จะได้ตรัสรู้บ้าง

พระองค์เคยได้ฟังพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลายพระองค์ เมื่อเริ่มเข้าใจธรรมทีละเล็กทีละน้อยว่า เป็นสิ่งที่มีจริง ก็มีความเข้าใจจากที่เคยฟังว่า สิ่งที่มีจริงนี้เกิดเพราะยังมีเหตุที่จะให้เกิด

เมื่อได้ฟังคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าทีปังกร ขณะนั้นท่านผู้นี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้เป็นสุเมธดาบส เมื่อได้มีโอกาสพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ฟังคำก็รู้ว่า คนที่มีความเข้าใจจะสามารถรู้ความจริงอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ แต่รู้ไม่เท่ากับพระองค์

เดี๋ยวนี้กำลังเห็น รู้ว่าเห็นเกิดขึ้นแล้วก็หมดไป ไม่มีเห็นขณะนี้อีกต่อไป เมื่อรู้ว่าสิ่งนี้มีจริงๆ เกิดขึ้นจริงๆ หมดไปจริงๆ สามารถที่จะรู้จริงโดยประจักษ์แจ้งได้ไหม เพราะจริง.

ขอเชิญอ่านได้ที่ ...

ขันธ์ ๕ ตามความเป็นจริง

เคยจำสิ่งที่ปรากฏทางตาไหม?

ขอเชิญฟังได้ที่ ...

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะเข้าถึงสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา

เพียงสิ่งที่ปรากฏ

ดอกไม้อยู่ที่ไหน

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ทรงศักดิ์
วันที่ 29 ธ.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอบพระคุณ คุณเมตตา และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 8 เม.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ