ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๑๒

 
khampan.a
วันที่  14 พ.ค. 2566
หมายเลข  45909
อ่าน  1,001

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจาก
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้


ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๑๒



~ ถ้าเป็นผู้ที่สะสมปัญญามามาก ก็จะรู้ว่าตลอดชีวิต ทุกสิ่งที่ได้มา ไม่ว่าจะเป็นลาภ เป็นยศ เป็นสรรเสริญ เป็นความสุข ทุกอย่างชั่วคราว ไม่ถาวรเลย ติดตามไปถึงชาติต่อๆ ไปไม่ได้ แต่ว่าการสะสมปัญญา ความเห็นถูก ความเข้าใจถูก เวลาที่ได้ฟังธรรมอีกก็เข้าใจได้เร็ว แล้วสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ด้วย แต่ต้องอบรมไปเรื่อยๆ ไม่ท้อถอย

~
อกุศลทั้งหลายจะละหมดได้ ก็ต่อเมื่อปัญญารู้อกุศลนั้นตามความเป็นจริง ถ้าเห็นว่าอกุศลเป็นอกุศล ขณะนั้นเป็นปัญญา แล้วก็ย่อมจะเห็นว่า น่ารังเกียจ เป็นโทษ ขณะนั้นปัญญาขั้นต่อไปก็คิดจะละคลายอกุศลที่น่ารังเกียจนั้นให้เบาบาง แต่ถ้าเป็นอกุศลธรรม จะไม่เห็นเลยในโทษของอกุศล เป็นไปกับอกุศลด้วยความยินดี ด้วยความพอใจในอกุศลธรรมนั้นๆ ไม่เห็นว่าเป็นโทษ ไม่เห็นว่าเป็นภัย
เพราะฉะนั้น ก็ย่อมเพิ่มอกุศลนั้นยิ่งขึ้น

~
ในชีวิตประจำวัน วันหนึ่งๆ เคยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนอื่นไหม ในขณะนั้นมีความหวังดีที่จะให้เขามีความสุข เขายังไม่ได้มีความทุกข์อะไร แต่ท่านก็มีจิตเมตตา อนุเคราะห์ที่จะให้เขามีความสุข ขณะนั้นเป็นเมตตา ความหวังดีต่อคนอื่น แต่ว่าถ้าขณะใด คนใดกำลังทุกข์ร้อน เดือดร้อน ท่านเกิดความกรุณาใคร่ที่จะให้บุคคลนั้นพ้นจากความทุกข์ มีการช่วยเหลือบุคคลที่ป่วยไข้ได้เจ็บ การรักษาพยาบาลบุคคลที่กำลังเจ็บป่วย คือ ความกรุณาที่ใคร่จะให้บุคคลนั้นพ้นทุกข์

~ ควรจะเห็นคุณอันประเสริฐยิ่งของปัญญา แล้วก็อบรมให้มากขึ้น อย่าหวังสิ่งอื่นเลยค่ะ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นก็ไม่สามารถที่จะดับกิเลสได้เลย ถ้าเป็นการหวังในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย) ก็ยิ่งเพิ่มความต้องการ เพิ่มกิเลส

~
ทุกท่านก็คงเห็นคุณประโยชน์ของปัญญา ถึงแม้ว่าจะมีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่ถ้าปราศจากปัญญา ก็ย่อมเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้น ถ้าผู้ใดเห็นคุณค่าของปัญญาจริงๆ ก็ย่อมจะไม่ปรารถนารูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย) เมื่อเจริญกุศล แต่ปรารถนาจะเจริญปัญญาให้ถึงความสมบูรณ์ที่สามารถจะดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท (ละได้อย่างเด็ดขาด)

~
ไม่ควรที่จะประมาทอกุศลธรรมเลย ใครที่เป็นคนดี จะดีไปได้นานเท่าไร ก็เฉพาะตราบที่อกุศลยังไม่มีปัจจัยเกิดขึ้น แต่อกุศลทั้งหลายที่จะดับไปได้ด้วยการเจริญปัญญา รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงตามปกติด้วย ที่ว่าปัญญาคมกล้านี้ไม่ใช่รู้อื่น แต่เป็นปัญญาคมกล้าที่น้อมมารู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏได้ทุกลักษณะในขณะนี้ตามปกติตามความเป็นจริง

~
ปกติท่านมีอัธยาศัยสะสมมาที่จะทำการสงเคราะห์ช่วยเหลือบุคคลอื่นบ้างหรือเปล่า ถ้าไม่มีหรือมีน้อย ก็ให้ทราบได้ว่า ในชีวิตประจำวันของท่านมีอกุศลธรรมครอบงำมาก ซึ่งจะบรรเทาเบาบางได้โดยการเจริญกุศลทันที เพราะผู้ที่ไม่เจริญกุศล ย่อมเป็นผู้ที่เกียจคร้านในการขัดเกลากิเลส

~
ถึงแม้ว่าคนอื่นจะโกรธ ก็ไม่ควรที่จะเอาชนะความโกรธของคนอื่นด้วยการโกรธตอบ แต่ว่าเมื่อคนอื่นโกรธ เราชนะกิเลสของตนเองโดยไม่โกรธตอบผู้ที่โกรธตน นั่นเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

~
จิตของใครเป็นอกุศล อกุศลธรรมของผู้นั้นเองเบียดเบียนผู้นั้นให้เดือดร้อน

~
ฉันทะ เป็นความพอใจ ซึ่งพอใจในกุศลธรรมก็ได้ หรือว่าพอใจในอกุศลธรรมก็ได้ จริงไหม? บางคนพอใจในการที่จะมีโทสะมากๆ นั่นเป็นฉันทะในอกุศล แต่ความพอใจในการที่จะศึกษา ที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นฉันทะในกุศลธรรม เพราะฉะนั้น ฉันทะ ไม่ใช่โลภะ ไม่ใช่ความปรารถนาอยากจะได้มาเป็นของตน เพราะถ้าไม่มีฉันทะที่จะเจริญกุศล คงจะไปรื่นเริงสนุกสนานในฝ่ายอกุศลธรรม

~
ในเมื่อเป็นอกุศลธรรมของเขา ย่อมให้โทษกับเขา เราจะต้องไปกลัวอกุศลธรรมของคนอื่นทำไม อกุศลธรรมของคนอื่น ไม่ได้มาให้โทษแก่เราเลย

~
ต้องเป็นผู้ที่มั่นคงในกุศลจริงๆ ถ้าท่านเป็นผู้ที่มั่นคงในกุศลแล้ว ไม่ต้องกลัวอะไร จะไม่มีโทษภัยอะไรซึ่งเกิดเพราะกุศลของท่าน แต่ถ้าท่านจะได้รับโทษภัยต่างๆ ให้ทราบว่าไม่ใช่เพราะกุศลของท่าน แต่การที่ท่านได้รับโทษภัยนั้น เพราะท่านมีอกุศลธรรมของท่านเอง

~
คนเราเกิดมาแล้วตายไหม ตาย แต่ก่อนตายมีอะไรที่ยั่งยืนบ้าง รสอาหารที่ทุกคนรับประทานเมื่อกี้นี้อยู่ที่ไหน สี เสียง กลิ่น รส จิตเกิดดับทุกขณะโดยไม่รู้ เพราะฉะนั้น คนรู้กับคนไม่รู้ต่างกัน ถ้าคนที่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่มีตัวตน กุศลจิตหรือจิตที่ดีงามของเขาจะเกิดขึ้นมากกว่าคนที่ไม่รู้ไหม นี่คือจุดที่ว่าเป็นประโยชน์ในชีวิต

~
ในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ใครเกิดอกุศลเลย แม้แต่ถ้าจะมีคนที่ญาติพี่น้องจากไป ถ้าร้องไห้ พระองค์ก็ทรงแสดงว่า เป็นอกุศลจิต เศร้าหมอง สิ่งที่ควรคือกระทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ซึ่งเขาก็มีโอกาสที่จะได้อนุโมทนา นั่นเป็นสิ่งที่ควร เพราะว่าเป็นกุศล

~
ถ้าศึกษาไปเรื่อยๆ ก็จะมีความเข้าใจ ในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมว่า ไม่มีอะไรเลยที่เป็นเรา จริงๆ เพราะว่าเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เมื่อกี้นี้ได้ยินเหมือนเป็นเราได้ยิน แต่ความจริงคือสภาพธรรมชนิดหนึ่งซึ่งมีจริงๆ สามารถได้ยินเสียง ได้ยินแล้วก็ดับไป แต่ความจริงสิ่งที่หมดไปแล้วจะกลับมาไม่ได้อีกเลย เพียงชั่วขณะที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิด แล้วก็ดับ

~ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับใคร ทางฝ่ายที่เป็นทุกข์ เราก็รู้ว่าเป็นผลของกรรมที่ได้ทำมา เตือนให้ระลึกถึงกรรมทันที จะไม่หวั่นไหว แต่ถ้าไม่ระลึกถึงกรรม เราก็หวั่นไหว ถ้าได้ลาภ ได้ยศ ก็เตือนให้ระลึกถึงกรรมอีก ต้องเป็นผลของกุศลกรรมที่ได้ทำมา ไม่มีใครสามารถที่จะทำอะไรได้ นอกจากเป็นกรรมของแต่ละบุคคลที่ได้ทำแล้ว

~ ปัญญารู้ประโยชน์ของการเข้าใจธรรมและทำความดีทุกอย่าง เพราะว่า ขณะใดที่เป็นอกุศลขณะนั้นไม่สามารถจะเข้าใจธรรมได้

~ ทุกคนจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ก็ได้ วันนี้ก็ได้ แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจถูกเลยต่อไปก็จะไม่สามารถที่จะเข้าใจถ้าไม่มีการฟังและเห็นประโยชน์จริงๆ ทุกคนจะตายเดี๋ยวนี้ก็ได้ เย็นนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้น มีชีวิตอยู่ที่ยังเป็นอยู่ก็เพื่อที่จะเข้าใจพระธรรมและเพื่อให้คนอื่นได้เข้าใจด้วย

~ ทุกคนต้องการเพื่อน คือ คนที่เข้าใจ เห็นใจ หวังดี มีเมตตา แล้วเราต้องการอย่างนั้นหรือเปล่า ถ้าเราต้องการอย่างนั้น เขาต้องการไหม
ไม่ว่าเขาเป็นใคร พร้อมที่จะให้ได้ไหม ไม่ลำบากเลย แค่หวังดี คิดดี

~ คุณความดีเท่านั้นที่จะเป็นเหตุที่จะทำให้สิ่งที่ดีเกิดขึ้นและปัญญาที่เข้าใจถูกต้องค่อยๆ สะสมไปก็จะทำให้สามารถรู้ความจริงซึ่งประเสริฐกว่าทุกสิ่งในโลก



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๑๑



... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
swanjariya
วันที่ 14 พ.ค. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ภาคภูมิอรุณศรี
วันที่ 14 พ.ค. 2566

ปัญญาชีวี มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
tim7755tim
วันที่ 15 พ.ค. 2566

กราบอนุโมทนากุศลค่ะท่านอาจารย์และกัลยาณมิตรทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 15 พ.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Lai
วันที่ 15 พ.ค. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์

สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และกราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
มังกรทอง
วันที่ 17 พ.ค. 2566

ธรรมะคือสิ่งที่มีจริง ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ