กระผมเห็นว่าจดจ้องในรูปนาม ไม่ผิด
ขอตอบจดหมายของท่านที่เขียนมาจากสวนผัก วัดท่าตะโก อำเภอเมือง มีข้อความว่า
เรียนอาจารย์สุจินต์ที่เคารพ
ด้วยกระผมได้ฟังคำบรรยายแนวทางเจริญวิปัสสนาภาวนาของอาจารย์เป็นประจำ ทำให้ผมมีความรู้และความเข้าใจดีในแนวทางปฏิบัติ แต่เมื่อปฏิบัติไปก็มีโมหะมาก จึงปฏิบัติไม่ค่อยได้เต็มที่ หรือจะเป็นด้วยเหตุปัจจัยการสะสมกุศลของกระผมมาน้อยหรือไฉน คือ สติเกิดน้อยเต็มที บางวันก็เกิดน้อย บางวันก็เกิดมากบางวันก็เกิดบ่อยๆ ทำให้เกิดโสมนัสได้บางครั้งบางโอกาส ผมจึงขอให้ท่านอาจารย์เป็นผู้นำของเหล่าสัตว์ทั้งหลาย ที่ยังไม่เห็นหนทางสันติสุขในโลกนี้และโลกหน้า สมกับบุพเจตนาของท่านอาจารย์ทุกประการเถิด
อนึ่ง กระผมเห็นว่า การที่เราจะจดจ้องในรูปนามอย่างบางอาจารย์สอน กระผมเห็นว่าไม่ผิด เพราะบุคคลเราสะสมกุศลมาไม่เหมือนกัน จึงเข้าใจธรรมอันละเอียดอ่อนนี้ได้ยาก ทางสายนี้เป็นทางสายเอก ส่วนสาธุชนอยู่ทุกมุมโลก (หมายถึงจิต) เมื่อเดินทาง จึงออกเดินคนละจุด เมื่อมาพบทางนี้แล้ว หรือถึงจุดแล้ว ก็คงจะรู้เองนั่นแหละว่า ใครเป็นผู้หลงทาง ที่แท้ก็มุ่งทางเดียวกัน ขออย่าให้เราถกเถียงกันเลยเมื่อถึงจุดแล้วจึงค่อยเถียงกันเถิด ขอยุติเท่านี้ เคารพอย่างสูง
เพราะฉะนั้น ใคร่ขอให้ท่านผู้ฟังพิจารณา ใคร่ครวญว่า ท่านฟังธรรม ไตร่ตรองธรรม ได้รับประโยชน์จากธรรม หรือว่าท่านฟังบุคคล และก็มิได้พิจารณาธรรม ไม่ได้รับประโยชน์จากธรรม เพราะเห็นว่าใครจะประพฤติอย่างไร ปฏิบัติอย่างไรก็ถูกต้อง อย่างข้อความที่ท่านกล่าวว่า อนึ่ง กระผมเห็นว่าการที่เราจะจดจ้องในรูปนามอย่างบางอาจารย์สอน กระผมก็เห็นว่าไม่ผิด
ไม่มีอะไรผิด ถูกทั้งนั้นใช่ไหม
ขอให้พิจารณาสภาพธรรมตามความเป็นจริง เช่น ในขณะที่สติกำลังระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมหรือรูปธรรม ลักษณะหนึ่งกำลังปรากฏ จะเป็นทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจก็ได้ เยื่อใยการยึดถือว่าเป็นเราที่กำลังรู้ในลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏมีหรือไม่มี เยื่อใยที่เป็นเรา ของเรา หมดหรือยัง กำลังจดจ้องอยู่ที่นามหนึ่ง รูปหนึ่ง ในขณะที่กำลังจดจ้องอยู่นั้น มีความต้องการไหมที่จะจดจ้อง
เพราะฉะนั้น จะต้องอาศัยการระลึกรู้บ่อยๆ เนืองๆ โดยทราบว่า สติจะระลึกรู้ลักษณะของนามใด รูปใดก็ได้ แต่ไม่ใช่หมายความว่า ด้วยการจดจ้อง ด้วยความต้องการจะทำให้รู้ในลักษณะที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน
ผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน สามารถที่จะเข้าใจลักษณะของสักกายทิฏฐิ ๒๐ ได้ถูกต้อง เช่น ในขณะที่สติกำลังระลึกรู้ลักษณะของรูปขันธ์ สักกายทิฏฐิอยู่ที่เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ในขณะนั้น เพราะเหตุว่ายังไม่ระลึกรู้ลักษณะของนามขันธ์ คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์เพียงแต่สติเริ่มจะระลึกรู้สภาพของนามธรรมหรือรูปธรรมบ้างแต่ละลักษณะเท่านั้น แต่เยื่อใยที่ยังยึดถือนามธรรมและรูปธรรมว่าเป็นตัวตนยังมากอยู่ เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ด้วยการจดจ้องที่นามหรือที่รูปที่จะทำให้รู้ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา แต่จะรู้จริงๆ ได้ก็เพราะรู้ว่า แม้สติก็เป็นอนัตตา ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 296
รับฟัง ...

