มีชีวิตเพื่อปัญญาปรากฏ ม.ค. 2566 ขาเป็นอะไร

 
kanchana.c
วันที่  18 ม.ค. 2566
หมายเลข  45486
อ่าน  536

ขาเป็นอะไร

เมื่อปลายปี 2565 เข่าที่ใช้งานมานานเกิน 70 ปี เกิดเสื่อมกะทันหัน (ความจริงก็มีอาการปรากฏให้รู้มาก่อน แต่ไม่ได้ใส่ใจ จนเดินไม่ได้ เพราะกระดูกเข่าเสียดสีกันเนื่องจากน้ำหล่อลื่นแห้ง) ต้องฉีดน้ำหล่อลื่นเข้าเข่า แล้วเดินทางไปร่วมสนทนาธรรมที่สุราษฎร์ จึงเดินกระย่องกระแย่ง และไปอุบลต่อ มีสหายธรรมถามด้วยความเมตตาถึงสาเหตุที่เดินอย่างนั้น ตอบไปหลายครั้งด้วยความขอบคุณที่ใส่ใจ จนสุดท้ายน้องสายฝน ปานุราช สาวงามชาวเชียงใหม่ถามว่า ขาเป็นอะไร ตอบไปว่า ขาไม่สาวแล้ว รู้สึกว่าตัวเองตอบคม เมื่อสุขภาพร่างกายพักฟื้นดีขึ้น มานอนคิดว่า ที่ตอบอย่างนั้นยังไม่คมคายอะไรเลย ต้องตอบตามความเป็นจริง (แม้จะยังไม่รู้ความจริงนั้นก็ตาม แต่ก็รู้ว่า เป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่ง) ว่า ขาเป็นรูป เป็นธรรมที่ไม่รู้อะไร แต่ก็มีสภาวะของตน คือ ไม่เที่ยง เปลี่ยนแปรไปทุกขณะ ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ เมื่อเกิดทำกิจหน้าที่แล้วก็ดับ ไม่ใช่ตัวตน จึงไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาให้เป็นไปตามต้องการไม่ได้ ไม่ใช่เรา แต่เพราะมีความเห็นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง จึงตามเห็นว่า ขาเป็นเรา เหมือนเห็นเปลวไฟกับแสงสว่างเป็นอันเดียวกัน ตามเห็นว่า เรามีขา เหมือนเห็นต้นไม้มีเงา ทั้งๆ ที่ต้นไม้ก็ไม่มี เงาจะมีแต่ที่ไหน ตามเห็นว่า ขาอยู่ในเรา เหมือนกลิ่นในดอกไม้ ตามเห็นว่า เราอยู่ในขา เหมือนเห็นแก้วมณีในขวด นอกจากนั้นยังเห็นความเจ็บขาเป็นเรา เรามีความเจ็บขา ความเจ็บขาอยู่ในเรา เราอยู่ในความเจ็บขา คือไม่ว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไรก็เป็นเราทั้งหมด

ได้ฟังท่านอาจารย์สนทนาธรรมกับชาวต่างชาติในวันที่ 13 ม.ค. 2566 เมื่อมีผู้ถามถึง สภาวธรรมและอสภาวธรรม ท่านอาจารย์ตอบว่า ให้ระลึกถึงสิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ แล้วจะรู้ว่า ตรงกับที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้และทรงแสดงไว้ทุกประการ แต่ถ้าเอาชื่อและเรื่องราวที่ทรงแสดงไว้มาคิดไตร่ตรองว่า ตรงกับสภาพธรรมไหน ก็ยังไม่ใช่การระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ ยังไม่ใช่ลักษณะที่เกิดขึ้นให้ศึกษา

จึงรู้ว่า ที่เขียนมานั้นเป็นการเอาชื่อและเรื่องราวที่เคยรู้มาคิดนึก ยังไม่รู้ลักษณะจริงๆ ขณะที่ปวดขากำลังปรากฏ เพราะขณะนั้นก็ผ่านไปนานแล้ว ตอนนี้ก็เพียงคิดนึกถึงเรื่องราวของสิ่งที่เคยเกิดขึ้นซึ่งไม่มีแล้ว ถูกห่อหุ้มด้วยชื่อ เรื่องราว และบัญญัติมากมายหนาแน่น จนยากที่จะออกไปได้ เข้าใจคำอุปมาที่ว่า การรู้แจ้งอริยสัจธรรมนั้นเหมือนขุดภูเขาสิเนรุอันสูงใหญ่ด้วยเล็บ ไม่ต้องพูดถึงเวลายาวนานและความพากเพียรมากมายเลย เพียงแต่จะฟังให้เข้าใจว่า ไม่มีเรา ก็ยากยิ่ง

กราบเท้าท่านอาจารย์ที่พร่ำสอนบ่อยๆ เนืองๆ ว่าไม่มีเรา ไม่มีสัตว์บุคคล ตัวตน

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า


ขอเชิญคลิกอ่าน :

- มีชีวิตอยู่เพื่อปัญญาปรากฏ 1


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
siraya
วันที่ 18 ม.ค. 2566

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ม.ค. 2566

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
สิริพรรณ
วันที่ 19 ม.ค. 2566

กราบขอบพระคุณยินดีในกุศลของ อ.กาญจนา (พี่แดงที่เคารพของน้องๆ) ในความกรุณาถ่ายทอดเรื่องราวความจริงของสภาพธรรม ในยามเกิดทุกขเวทนา เกื้อกูลประโยชน์แก่ผู้อ่านได้พิจารณาตามมากๆ ค่ะ

พวกเรามีบุญมากๆ ที่ชาตินี้ได้พบท่านอาจารย์ ผู้ถ่ายทอดความจริงจากคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

มีความรู้สึกเช่นกันกับที่พี่แดงกล่าวค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
namarupa
วันที่ 19 ม.ค. 2566

พี่แดงได้เจริญกุศลมามากมาย เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการถอดเทปธรรมมานานแสนนาน กุศลนั้นๆ ได้สำเร็จลงแล้ว แอ๊วขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดงทุกประการค่ะ จะขอว่าให้พี่แดงมีสุขภาพแข็งแรง ขอก็คงไม่ได้ ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัยนั้นๆ ไม่มีใครทำอะไรได้ แอ๊วก็กำลังได้รีบอกุศลวิบากอยู่เหมือนกันกับพี่ค่ะ❤️

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Jans
วันที่ 19 ม.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
sulome
วันที่ 19 ม.ค. 2566

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nattawan
วันที่ 19 ม.ค. 2566

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ