ลักษณะการเกิดดับของเห็นกับสิ่งที่ถูกเห็น

 
ucat97
วันที่  2 ก.ย. 2565
หมายเลข  43580
อ่าน  446

ขอกราบเรียนถามครับ

การเกิดดับของ"เห็น" ซึ่งเป็นนามธรรม ผมเข้าใจอย่างนี้ว่า ก่อนเห็นไม่มีเห็น มีเห็นเมื่อเห็นเกิด เห็นดับเมื่อได้ยินหรือคิดนึก

ส่วนการเกิดดับของสิ่งที่ถูกเห็น ซึ่งเป็นรูปธรรม เช่นเห็นนก (สิ่งหนึ่งสิ่งใด) ขณะนั้นรูปเกิด แต่พอหูได้ยินเสียงรถวิ่ง เสียงรถเกิด ส่วนรูป (นก) ดับ

ลักษณะการเกิดดับของ "เห็น" กับ"สิ่งที่ถูกเห็น" ตามที่ผมเข้าใจข้างต้นถูกต้องไหมครับ หรือที่ถูกต้องมีลักษณะเกิดดับอย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 3 ก.ย. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การที่จะรู้ถึงความเกิดดับของสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม ต้องเป็นปัญญาในระดับที่เป็นวิปัสสนาญาณ ไม่ใช่เพียงคิดตรึกตรองตามเท่านั้น ซึ่งกว่าจะไปถึงปัญญาในระดับนั้นได้ ต้องมีรากฐานที่สำคัญ คือ ความเข้าใจถูกต้องมั่นคงตั้งแต่ขั้นการฟัง เข้าใจว่า ธรรม เป็นธรรม ไม่ใชเรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เพราะธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง แต่ละหนึ่งๆ

การเกิดดับของนามธรรมและรูปธรรมนั้น แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ไม่น่ายินดี เพราะเป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดปรากฏแล้วก็ดับไป ขณะนี้ก็มีสภาพธรรมที่เกิดดับ ความจริงเป็นอย่างนี้ สภาพธรรมที่เป็นรูปธรรม มีอายุยืนกว่าจิต กล่าวคือ มีอายุเท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ ส่วนนามธรรม คือ จิตและเจตสิก มีอายุที่สั้นกว่ารูปธรรม เพียงแค่ขณะย่อย ๓ ขณะเท่านั้น คือ ขณะที่เกิดขึ้น ขณะที่ดำรงอยู่และขณะที่ดับไป

จากประเด็นคำถาม ก็เป็นการคิดตามเรื่องของสภาพธรรมซึ่งเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็ว เพราะเหตุว่า เห็น กับ ได้ยิน ไม่พร้อมกันเลย ก่อนเห็นต้องมีจิตอื่นเกิดก่อน และ กว่าจะไปถึงขณะที่ได้ยิน ก็มีจิต เกิดดับสืบต่อกันหลายขณะ จริงๆ และ รูปธรรม คือ สี ที่เกิดขึ้น เป็นอารมณ์ของวิถีจิตทางตา ก็ต้องดับไป มีอายุ ๑๗ ขณะของจิต ไม่เหลือเลย ที่เห็นว่าเป็นนกหรือเป็นสิ่งต่างๆ นั้น ไม่ใช่วิถีจิตทางตาแล้ว แต่เป็นการคิดนึกทางใจ และเมื่อมีวิถีจิตทางหู อารมณ์ คือ เสียง ของวิถีจิตทางหู ก็มีอายุ ๑๗ ขณะของจิต เกิดแล้วก็ต้องดับไป จิตแต่ละขณะๆ ที่เกิดขึ้น ก็ดับไป ทั้งหมด ที่รู้ว่าเป็นเสียงอะไรนั้น ไม่ใช่วิถีจิตทางหู แต่เป็นการคิดนึกทางใจ

ดังนั้น ในขั้นต้น ไม่ใช่การรู้การเกิดดับของนามธรรมและรูปธรรม แต่ปัญญาขั้นต้น ต้องรู้ความเป็นเป็นจริงของธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนี้ก่อน ว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา เพราะเหตุว่า ซึ่งถ้ายังไม่รู้จักตัวธรรมจริงๆ ว่าเป็นธรรม แล้วจะไปเห็นความเกิดดับของสภาพธรรม เห็นความไม่เที่ยงของสภาพธรรม ที่เป็นวิปัสสนาญาณ ไม่ได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้ ความเข้าใจถูกตั้งแต่ต้นจึงสำคัญที่สุด ความเข้าใจถูกเห็นถูก คือ ปัญญา จะต้องเจริญขึ้นไปตามลำดับ เริ่มจากฟังเรื่องของสิ่งที่มีจริงๆ ให้เข้าใจอย่างมั่นคง ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ucat97
วันที่ 3 ก.ย. 2565

กราบขอบพระคุณมากครับ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ก.ย. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เมตตา
วันที่ 3 ก.ย. 2565

ยินดีในความดีของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ