แค่คิดฆ่า เป็นมโนกรรมไหม?

 
lokiya
วันที่  9 ต.ค. 2564
หมายเลข  37825
อ่าน  334

ผมมีคำถามสงสัยอยากให้ท่านวิทยากรช่วยตอบเป็นข้อดังนี้ครับ

1. การคิดที่จะฆ่าคนอื่นให้ตายแต่ไม่ได้กระทำ หรือ กระทำไม่สำเร็จเป็นมโนกรรมหรือไม่ ถ้าเป็นให้ผลเป็นวิบากหรือไม่

2. การคิดที่จะฆ่าคนอื่นให้ตาย แล้วกระทำสำเร็จ กรณีนี้เป็นทั้งมโนกรรม กายกรรม ที่ให้ผลเป็นอกุศลวิบากจิต 7 ถูกต้องหรือไม่ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 10 ต.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. เพียงคิดไม่ดีต่อบุคคลอื่น แต่ยังไม่ได้กระทำอะไรที่เป็นการเบียดเบียนผู้อื่น ขณะนั้น เป็นอกุศลจิต ยังไม่เป็นอกุศลกรรม ที่เป็นมโนกรรมบถ แต่ถ้าล่วงออกมาเป็นการกระทำที่เบียนดเบียนประทุษร้ายบุคคลอื่น นั่นเป็นอกุศลกรรบถ แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าจะครบองค์หรือไม่ และกำลังของอกุศล นั้น ถึงกับมีการวางแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้า หรือ เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า โดยไม่ได้มีการเตรียมการไว้ก่อน ก็ย่อมแตกต่างกัน ถ้ามีการเตรียมการไว้ก่อนวางแผนไว้ก่อน ก็เป็นอกุศลกรรม ที่เป็นมโนกรรมบถ แต่ถ้าเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ก็เป็นอกุศลกรรบถ อย่างอื่น ที่เป็นกายกรรม บ้าง หรือ วจีกรรมบ้าง ตามความประพฤติเป็นไป นั้น ถ้าเป็นอกุศลกรรม ที่ไม่ครบองค์ ก็สามารถให้ผลหลังจากที่เกิดแล้ว คือ ในปวัตติกาล ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็อกุศล ในระดับใด ทางใด ก็เป็นสิ่งที่ไม่ดี ทั้งนั้น ไม่นำมาซึ่งประโยชน์ใดๆ เลยแม้แต่น้อย

ขอเชิญอ่านคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เพิ่มเติมได้ดังนี้ ครับ

มโนกรรมไม่ใช่เพียงแค่คิดในใจ

เรื่องของมโนกรรม ไม่ใช่เพียงอยู่เพียงใจ คิดไปเถอะค่ะทั้งวันทั้งคืน แต่ไม่ได้กระทำกรรมตามที่คิดก็ไม่สำเร็จ เช่นอยากจะได้ของคนอื่น แล้วก็นึกไปอยากจะได้ของของเขา จะเป็นการได้ของบุคคลอื่นมาได้อย่างไร นั่งคิดไปๆ ไม่มีวันที่ของคนอื่นจะมาเป็นของท่านได้สำหรับผู้ที่คิดอย่างนั้น

เพราะฉะนั้น ก็ต้องมีการล่วงออกไปทางกาย หรือ ทางวาจา แต่ว่าสำหรับการกระทำทางกายที่ไม่เป็นมโนกรรม มี เป็นแต่เพียงกายกรรม เช่น เวลาที่เห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด อาจจะเป็นของที่ไม่ทราบว่าเจ้าของอยู่ที่ไหน และก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่เล็กน้อย และไม่ได้คิดมาก่อนด้วยว่า ต้องการของสิ่งนี้ แต่เมื่อผ่านไปเห็นเข้า เช่น ดอกไม้ในสวน หรืออะไรก็ตามแต่ ของในป่าหรืออะไรอย่างนั้น แล้วก็คิดว่าต้องการของสิ่งนั้น แล้วก็เด็ดไปถือไปจะเป็นผลไม้ หรือดอกไม้ก็ตาม ถ้ามีผลไม้ที่หล่นอยู่ใต้ต้น เมื่อมีความอยากได้ ก็เก็บเอาไป ขณะนั้นก็เป็นกายกรรม แต่ไม่เป็นมโนกรรม

เพราะฉะนั้น กายกรรมไม่เป็นมโนกรรม วจีกรรมไม่เป็นมโนกรรม ที่แสดงเรื่องของกรรม ๓ ก็เพื่อที่จะแยกให้เห็นว่า กายกรรมไม่ใช่มโนกรรม วจีกรรมไม่ใช่มโนกรรม แต่สำหรับมโนกรรมที่เป็นมโนกรรมโดยคิดอยู่ในใจเฉยๆ ไม่ได้ล่วงไปทางกายทางวาจานั้นไม่สามารถจะสำเร็จลงไปได้ แต่ว่าต่างกับกายกรรมและวจีกรรม โดยที่ว่ามโนกรรมมีความตั้งใจเกิดขึ้นทางใจก่อน จึงจัดเป็นมโนกรรม

ถ้าโกรธคนหนึ่งแล้วก็คิดที่จะฆ่าคนนั้น แล้วก็จ้างคนอื่นไปฆ่าคนนั้น ขณะนั้นการฆ่าที่สำเร็จลงไปเป็นมโนกรรม แม้ว่าเป็นปาณาติบาตซึ่งเป็นข้อของกายกรรมก็จริงแต่กรรมนั้นสำเร็จลง เพราะมโนกรรม ไม่ใช่เพียงกายกรรม แต่ถ้าโกรธระงับไม่อยู่เลยเกิดประทุษร้ายคนนั้น แล้วคนนั้นตาย ขณะนั้นก็เป็นกายกรรม ซึ่งไม่มีความผูกพยาบาทคิดมาก่อนเลยว่าต้องการที่จะฆ่าคนนั้น แต่เกิดบันดาลโทสะ หรือป้องกันตัว หรืออะไรก็ตามแต่ซึ่งทำให้บุคคลนั้นตายไป ขณะนั้นก็เป็นกายกรรม ซึ่งไม่ใช่มโนกรรม

เพราะฉะนั้น องค์ของมโนกรรมก็ดี หรือองค์ของกายกรรม วจีกรรมก็ดี เป็นการแสดงให้เห็นว่า ผลที่เกิดขึ้นจากกาย จากวาจานั้นๆ เป็นกายกรรม หรือว่า เป็นมโนกรรม


๒. ขึ้นอยู่กับกำลังของอกุศลขณะนั้น เพราะถ้ามีการเตรียมการ มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า แล้วกระทำสำเร็จ นั่น เป็น อกุศลกรรมบถ ประเภทที่เป็น มโนกรรมบถ ไม่ว่าจะล่วงออกมาทางกาย หรือ ทางวาจา ก็ตาม กำลังของอกุศลนั้น มีมาก แต่ถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า แล้วทำการฆ่า นั่น ก็เป็นอกุศลกรรมบถ ที่ไม่ใช่ มโนกรรมบถ แต่เป็นอกุศลกรรบถ ที่เป็นกายกรรม

อกุศลกรรมที่ทำสำเร็จแล้ว ก็สามารถให้ผล เป็นอกุศลวิบาก ทั้ง ๗ ได้ ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
lokiya
วันที่ 12 ต.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ