ฟังคำที่ทำให้เข้าใจความจริง_สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี วันเสาร์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๔

 
khampan.a
วันที่  9 ต.ค. 2564
หมายเลข  37826
อ่าน  866

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


" ฟังคำที่ทำให้เข้าใจความจริง "

ถอดจากคำสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี

วันเสาร์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๔



ดอกบัว ที่ มศพ.


~ เดี๋ยวนี้มีอะไรที่กำลังปรากฏ รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏไหม?

~ มีความต้องการเห็นไหมเดี๋ยวนี้ มีความต้องการสิ่งที่ถูกเห็นไหม? มีความต้องการทุกอย่างที่ปรากฏ ใช่ไหม? ถ้าไม่มีอะไรปรากฏ จะต้องการอะไรไหม?

~ เวลาเห็นแล้ว ไม่ให้มีความต้องการ ได้ไหม ถ้าสิ่งนั้นไม่เกิดเลย ไม่มีอะไรเกิดเลย จะมีความต้องการไหม? เริ่มรู้จักธรรม ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาได้

~ ขณะที่กำลังเห็น ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงแสดง ไม่มีใครรู้เลยว่ากำลังพอใจติดข้องในเห็น และ ในสิ่งที่ถูกเห็น

~ ทุกวันมีความติดข้องหลายแบบ มากบ้าง น้อยบ้าง

~ ทุกครั้งที่ฟังพระธรรม ต้องไม่ลืมว่า พระสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นใคร

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ให้ใครเชื่อ แต่ให้คนฟังเริ่มฟังไตร่ตรองจนเป็นความเข้าใจของเขาเอง เขาจะรู้ได้เลย ว่า เคารพสูงสุด คือ เคารพผู้ที่ให้เขาเกิดความเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่กำลังมีแต่ไม่เคยรู้มาก่อน

~ เขาห้ามไม่ให้เกิดความติดข้อง ได้ไหม? เพราะฉะนั้น เริ่มเข้าใจมั่นคงขึ้นทีละน้อย ว่า ไม่มีใคร ไม่มีเขาที่จะทำอะไรได้เลย แต่มีธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย แต่ละหนึ่ง

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความจริงของทุกอย่างที่มีแต่ละหนึ่งๆ ทั้งหมด ที่สามารถจะรู้ได้ว่า เดี๋ยวนี้คืออะไร ที่ไม่ใช่เขา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย เป็นสิ่งที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ทุกคำต้องฟังดีๆ บ่อยๆ ทำให้เห็นเกิดขึ้นได้ไหม เดี๋ยวนี้ที่กำลังเห็น เพราะฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ว่าเห็นเดี๋ยวนี้ต้องเกิด ไม่เกิด ไม่มีเห็นแน่นอน

~ เห็นทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากเห็นเกิดแล้วดับ เป็นสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ที่สามารถจะรู้ได้ แต่ต้องปลูกฝังความมั่นคงว่าไม่มีเรา ไม่มีอะไร เห็นต้องเป็นเห็นเท่านั้น

~ เห็นเกิดแล้วดับ ทุกอย่างที่มีขณะนี้เกิดแล้วดับ เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างขณะนี้เกิดแล้วดับ ดับแล้วไม่เหลือเลย เพราะฉะนั้น มีเรา มีเขา มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างที่คิด ไม่ได้เลย

~ มั่นคงหรือยังว่าเห็นเดี๋ยวนี้ เกิดขึ้นแล้วดับไป ไม่เหลือเลย ไม่มีใครเลยทั้งสิ้น มั่นคงไหม?

~ สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้วทรงแสดง คนอื่นสามารถจะประจักษ์แจ้งตามได้ เพราะเป็นความจริงของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้

~ ฟังธรรมเพื่ออะไร? เพื่อรู้ความจริง ไม่ใช่เพื่อเรา แต่ฟังเพื่อเข้าใจ

~ ความเข้าใจ เป็นความติดข้องหรือเปล่า? ความเข้าใจ เป็นความไม่รู้หรือเปล่า?

~ ต้องมั่นคงจริงๆ ว่าทุกอย่างที่พูดถึง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย แต่เกิดจึงมี แล้วดับ แล้วไม่กลับมาอีกเลย

~ สนทนาธรรม ต้องเป็นเรื่องของความลึกซึ้งของธรรม ถ้าไม่เข้าใจว่าธรรมคืออะไร และถ้าไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรม เขาไม่สามารถที่จะเข้าใจความลึกซึ้งของธรรม ไม่เข้าใจพระปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย

~ เห็นเกิดดับเท่าไหร่กว่าจะปรากฏเป็นรูปร่างของคอมพิวเตอร์ ถ้ายังเห็นเป็นคอมพิวเตอร์อยู่ แสดงว่าเขายังไม่รู้ความจริงของเห็นกับสิ่งที่ถูกเห็น ใช่ไหม? ความลึกซึ้งจริงๆ ของธรรมจริงๆ ก็คือ เห็นเป็นคอมพิวเตอร์ไม่ได้แน่นอน เห็นต้องเป็นเพียงมีเพียงสิ่งที่กระทบตาแล้วเห็นสิ่งนั้นซึ่งไม่ใช่คอมพิวเตอร์ เป็นสิ่งที่แค่กระทบและปรากฏให้เห็นเท่านั้น

~ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะกล่าวถึงสิ่งที่มีจริง เพราะฉะนั้น คำที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงที่ทำให้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น ทุกคำเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ ความจริงเป็นความจริงซึ่งทุกคนฟังแล้วก็รู้ว่า รู้ได้ แต่อีกนานไหม?

~ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็รู้ว่า เพื่อจะรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ของสิ่งที่มีจริงตามที่ได้ฟัง

~ ปัญญาความเห็นถูก ไม่ใช่เห็นถูกอย่างอื่นแสนไกลเลย แต่เห็นถูกในสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตามที่ได้ฟังตามที่เข้าใจ

~ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้ว่า พระองค์ตรัสให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมี ต้องฟังด้วยความค่อยๆ เข้าใจทีละน้อย ละเอียดยิ่ง

~ ถ้าเขาไม่รู้ว่าความจริงอยู่ไหน เขาสามารถจะเข้าใจความจริงได้ไหม?

~ ต้องฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความเคารพ เคารพคืออย่างไร ไม่ใช่เชื่อ แต่พิจารณาความลึกซึ้งและความจริงที่พระองค์ทำให้เกิดความเห็นที่ถูกต้อง

~ ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ไม่มีอะไรที่เที่ยง แต่มีสิ่งที่เป็นอย่างนั้น เป็นธรรมแต่ละหนึ่ง มีจริงที่ต้องเป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างอื่น ใช่ไหม?

~ ทุกอย่างที่มีจริงแต่ละหนึ่ง มีลักษณะเฉพาะของตนๆ เป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง นั่นคือ ธรรม ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่นก ไม่ใช่ปลา

~ จิต ไม่ใช่ธรรมที่ชอบหรือโกรธหรือดีใจหรือเสียใจ แต่จิตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นรู้สิ่งที่ปรากฏเท่านั้น

~ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่กำลังปรากฏ ให้ทราบว่าต้องมีธาตุรู้ ที่เราใช้คำว่าจิต เกิดขึ้นรู้ สิ่งนั้นจึงปรากฏ แต่ไม่มีใครสนใจธาตุรู้ สนใจแต่สิ่งที่ปรากฏให้รู้ทั้งวัน

~ เดี๋ยวนี้เสียงปรากฏ ถ้าไม่มีธาตุรู้เกิดขึ้นได้ยิน เสียงก็ปรากฏไม่ได้ แต่ไม่มีใครสนใจธาตุรู้ แต่สนใจเสียง

~ ธาตุรู้เกิดขึ้นแล้วดับเร็วมาก ต้องฟังทุกคำ ฟังอีกๆ จนกว่าจะเห็นความลึกซึ้ง

~ เดี๋ยวนี้เห็นแล้ว ไม่มีใครทำให้เห็นเกิด แต่ถ้าไม่มีตา ก็ไม่เห็น มีตาแต่ไม่มีสิ่งที่กระทบตา ก็ไม่เห็น เพราะฉะนั้น เห็นเฉพาะสิ่งที่กระทบตาเท่านั้น ต้องไม่ลืมทุกคำ เห็นเฉพาะสิ่งที่กระทบตาเท่านั้น

~ ไม่รู้ความจริงแค่ไหน ทั้งวัน มากแค่ไหนที่ไม่รู้ความจริง

~ จะเข้าใจแต่ละหนึ่งได้ ต้องอาศัยฟังสิ่งนั้นจนมีความเข้าใจขึ้นในความจริงของสิ่งนั้น

~ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดา ความเป็นไปของสิ่งนั้น ต้องเป็นอย่างที่กำลังเป็น แต่ไม่รู้ว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่อะไรเลย เป็นธรรมทั้งหมด แต่ละหนึ่ง

~ ต้องไปหาธรรมที่ไหนไหม? เพราะฉะนั้น จะรู้จักธรรม ก็คือ สิ่งที่กำลังมีนั่นแหละ เดี๋ยวนี้เอง แต่ละหนึ่ง

~ ความตาย มี ๓ อย่าง ความตายทุกขณะ ธรรมเกิดแล้วตายทันที เป็นขณิกมรณะ สัมมติมรณะ คือ ความตาย เกิดมาเป็นคนแล้วตาย เกิดมาเป็นนกแล้วก็ตาย ก็เป็นสัมมติมรณะ ส่วนสมุจเฉทมรณะ หมายความถึง สิ่งนั้นที่เป็นนามธรรมดับแล้วไม่กลับมาอีกเลย (ไม่มีการเกิดอีกเลย เป็นการตายของพระอรหันต์)

~ สภาพรู้ที่มีตลอดเวลาแต่คนไม่คิดถึงเลย คือ จิต สภาพที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งสิ่งที่ปรากฏ ถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดปรากฏ ต้องมีธาตุรู้กำลังรู้สิ่งนั้น สิ่งนั้นจึงปรากฏได้

~ เปลี่ยนจิตให้เป็นอื่นไม่ได้เลย จิตเกิดขึ้นรู้แจ้งสิ่งที่ปรากฏให้รู้

~ สิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ใครเปลี่ยนไม่ได้ หลากหลายแล้วก็เกิดดับ ไม่ใช่เรา ต้องปลูกฝังความมั่นคงว่าไม่มีเรา จนกว่าฟังแล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้น ว่า ไม่ใช่เรา

~ ถ้าไม่ได้มีการได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ที่เกิดดับเร็วสุดที่จะประมาณได้

~ ต้องไม่ลืม ฟัง เพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังมี จนสามารถรู้ความจริงได้

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
petsin.90
วันที่ 9 ต.ค. 2564

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 9 ต.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
jaturong
วันที่ 9 ต.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Jans
วันที่ 9 ต.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
มังกรทอง
วันที่ 10 ต.ค. 2564

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ให้ใครเชื่อ แต่ให้คนฟังเริ่มฟังไตร่ตรองจนเป็นความเข้าใจของเขาเอง เขาจะรู้ได้เลย ว่า เคารพสูงสุด คือ เคารพผู้ที่ให้เขาเกิดความเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่กำลังมีแต่ไม่เคยรู้มาก่อน น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Lai
วันที่ 11 ต.ค. 2564

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ