ปัญหาเกี่ยวกับเทวตาพลี

 
abhirak
วันที่  16 มี.ค. 2564
หมายเลข  33887
อ่าน  2,309

ขอกราบเรียนถามครับ จากข้อความบางตอนของปัตตกัมมสูตรที่ว่า "....อีกข้อหนึ่ง อริยสาวกย่อมเป็นผู้ทำพลี ๕ คือญาติพลี (สงเคราะห์ญาติ) อติถิพลี (ต้อนรับแขก) ปุพพเปตพลี (ทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย) ราชพลี (ช่วยราชการ)  เทวตาพลี (ทำบุญอุทิศให้เทวดา)  ด้วยโภคทรัพย์ที่ได้มาด้วยความหมั่นขยัน..." คำว่า เทวตาพลี หรือ ทำบุญอุทิศให้เทวดานี้ จะหมายความถึงอย่างไรครับ เช่น การเซ่นไหว้เทพเจ้าตามประเพณีของชาวจีนจะสงเคราะห์เข้าในข้อนี้หรือไม่ครับ เพราะตั้งแต่เป็นสมาชิก มศพ. ผมก็ได้เลิกกราบเลิกเซ่นไหว้ศาลเจ้าที่บ้านไปแล้ว จึงใคร่ขอความละเอียดในคำนี้ครับ

กราบอนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 17 มี.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำว่า พลีกรรม ตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ หมายถึง การสละ การสละ มี ๒ ประเภท สละเพื่อช่วยเหลือสงเคราะห์ ๑ สละเพื่อบูชาคุณ

การเซ่นไหว้เทพเจ้าตามประเพณีของชาวจีนจะสงเคราะห์ ไม่ใช่เทวตาพลี เพราะเทวตาพลี หมายถึง การทำกุศลประการต่างๆ แล้วอุทิศส่วนกุศลให้เทวดา ครับ


อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมใช้จ่ายโภคทรัพย์ที่ตนหามาได้ด้วยความหมั่น ความขยัน สะสมขึ้นด้วยกำลังแขน อาบเหงื่อต่างน้ำ ชอบธรรม ได้มาโดยธรรม ทำพลี ๕ อย่าง คือ

๑. ญาติพลี [บำรุงญาติ]

๒. อติถิพลี [ต้อนรับแขก]

๓. ปุพพเปตพลี [บำรุงญาติผู้ตายไปแล้วคือทำบุญอุทิศกุศลให้]

๔. ราชพลี [บำรุงราชการ คือบริจาคทรัพย์ช่วยชาติ]

๕. เทวตาพลี [บำรุงเทวดา คือทำบุญอุทิศให้เทวดา]

ขออนุโมทนา


ที่มา...

๑. อาทิยสูตร ว่าด้วยหลักการใช้โภคทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ ๕ อย่าง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 17 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 17 มี.ค. 2564

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เข้าใจ
วันที่ 17 มี.ค. 2564

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
abhirak
วันที่ 17 มี.ค. 2564

กราบเรียนสนทนาเพิ่มอีกนิดเพื่อความกระจ่างเรื่องคำว่าเทวตาพลีนะครับ

การทำบุญอุทิศให้เทวดาคือเป็นอย่างไรครับ? หากที่ผมเข้าใจตามลำดับคือเมื่อทำสิ่งใดที่เป็นกุศลแล้วเกิดความแช่มชื่นขึ้นในจิตก่อน จึงได้กล่าวอุทิศบุญนั้นลอยๆให้แก่เทวดาโดยไม่ได้เจาะจงว่าจะเป็นเทวดาผู้ใด เช่นนี้จึงได้ชื่อว่าเทวตาพลีสมดังคำที่พระพุทธองค์ทรงตรัสหรือไม่ครับ แล้วจึงเทวดาใดหากทราบด้วยญาณและหากประสงค์ที่จะอนุโมทนาก็จะอนุโมทนาเอง เช่นนี้หรืออย่างไรครับ ขอกราบเรียนถามเพื่อความเข้าใจครับ 

 

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 18 มี.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เรียน ความคิดเห็นที่ ๕ ครับ

สิ่งที่เทวดาประสงค์หรือต้องการ ไม่ใช่อาหารหรือวัตถุสิ่งของ แต่เป็นคุณความดีของผู้ที่เป็นมนุษย์ได้กระทำแล้ว แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ เทวดาย่อจะได้ประโยชน์จากตรงนี้ คือ เกิดกุศลจิตอนุโมทนาชื่นชมยินดีในความดีที่เราได้กระทำ เป็นการได้บูชาเทวดาจริงๆ ด้วยความถูกต้อง ไม่ใช่การทำอะไรที่ผิดตามๆ กันไป ดังนั้น การทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่เทวดา ก็เป็นไปตามที่คุณ abhirak ได้กล่าวมา ไม่ใช่ด้วยอย่างอื่นเลย ใครที่มีโอกาสได้รับรู้และเกิดกุศลจิตชื่นชมยินดี ก็เป็นกุศลจิตของผู้นั้น

ซึ่งจะเห็นได้ว่า เมื่อแสวงหาทรัพย์ได้มาโดยชอบธรรมแล้ว ผู้ที่เข้าใจถูกเห็นถูกในธรรมตรงตามความเป็นจริง ย่อมใช้จ่ายทรัพย์ใทางที่เป็นประโยชน์ ด้วยการเลี้ยงตนเอง เลี้ยงมารดา บิดา เป็นต้นให้เป็นสุข ใช้ทรัพย์ในการป้องกันภัยอันตรายต่างๆ รวมถึงใช้ทรัพย์ในการทำพลีกรรม ๕ อย่าง คือ สงเคราะห์ญาติ ต้อนรับแขก ช่วยราชการ ทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย ทำบุญอุทิศให้เทวดา และที่สำคัญพลีกรรมในทางพระพุทธศาสนา ต้องเป็นไปในทางที่เป็นกุศล ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่การทำอะไรด้วยความไม่รู้ ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
kullawat
วันที่ 19 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ 

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 26 ต.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 26 ต.ค. 2564

การอุทิศกุศลเป็นความดี การยินดีในกุศลที่บุคคลอื่นทำเป็นความดี การฟังธรรมเป็นความดี ทุกครั้งที่ทำความดีอุทิศกุศลให้สรรพสัตว์และเทวดาเป็นกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 26 ต.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ทรงศักดิ์
วันที่ 27 ต.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Witt
วันที่ 30 ต.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ