ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๖๔

 
khampan.a
วันที่  12 ก.ค. 2563
หมายเลข  32033
อ่าน  1,492

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๖๔ * *


~ พุทธบริษัทฟังพระธรรม เพราะรู้ว่าผู้มีปัญญาตรัสรู้ธรรม ทรงแสดงให้คนที่ไม่รู้ฟัง เพราะฉะนั้น ทุกคนที่ฟังพระธรรม ต้องรู้ว่าก่อนฟัง เป็นคนที่ไม่รู้อะไร ไม่เข้าใจอะไร เพราะฉะนั้น ฟัง เพื่อให้รู้

~ เป็นชาวพุทธ ก็คือ ต้องศึกษาพระธรรม ขาดไม่ได้เลย จึงสามารถที่จะเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ เพราะฉะนั้นต้องไม่ลืมประเพณีของชาวพุทธ จริยะ สิ่งที่ควรกระทำ คือ การเข้าใจธรรมจากการฟัง เป็นประเพณีสืบต่อกันมา แต่ไม่ใช่ประเพณีที่ไม่รู้เรื่องและก็ไม่เข้าใจ ต้องเข้าใจด้วย

~ ศึกษาแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เข้าใจจริงๆ เมื่อนั้นก็จะชื่อว่าเป็นชาวพุทธที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเป็นคุณธรรมที่ถ้าทุกคนเป็นอย่างนี้ทั้งประเทศไม่มีปัญหาเลยไม่มีความเดือดร้อน มีแต่ความสงบเพราะเป็นกุศล แต่ทั้งหมดที่วุ่นวายไม่สงบเพราะอกุศล และอกุศลทั้งหลายจะค่อยๆ ละ ลดลงไปได้อย่างไร ถ้าไม่มีปัญญา ละไม่ได้เลย

~ ใครเห็นโทษของกิเลส อะไรเห็นโทษของกิเลส ก็ต้องปัญญา คำตอบก็อยู่ที่ปัญญา ก็ต้องเจริญปัญญาขึ้น เมื่อปัญญาเพิ่มขึ้นก็ต้องเห็นโทษของกิเลส แต่ถ้าปัญญายังไม่เกิด แล้วจะบอกว่าเห็นโทษของกิเลสก็ยาก

~ เดี๋ยวนี้ ทั้งหมดเป็นธรรม (สิ่งที่มีจริง) แต่ไม่เคยรู้เลย จนกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทรงตรัสรู้ และกว่าจะเข้าใจได้ว่าไม่มีเราแต่เป็นธรรมทั้งหมด ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรมเทศนา ไตร่ตรองจนกระทั่งเข้าใจ ว่า ไม่ว่าจะเป็นคำอะไรทั้งหมดที่ได้ฟัง คือ เดี๋ยวนี้

~ ถ้าได้กล่าวคำจริง ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้คนอื่นได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เป็นที่ปีติยินดีของทุกคนไหม ที่เขาได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น แต่ละคำๆ ก็จะทำให้ผู้ฟัง ไตร่ตรองเห็นประโยชน์และเป็นผู้ที่ตรง ถ้าไม่เป็นอย่างนี้พระพุทธศาสนาก็ไม่รุ่งเรืองถ้าไม่มีคนเข้าใจคำสอนและเข้าใจผิด

~ ถ้ายังไม่ละคลายอกุศลต่างๆ ในชีวิตประจำวันจริงๆ ด้วยความตั้งใจมั่น ด้วยความเพียร ด้วยความอดทน ก็ย่อมไม่ถึงกาลที่จะดับกิเลสได้ เพราะเหตุว่ากิเลสมากมายเหลือเกิน

~ เราเป็นคนมีโลภะ เห็นอะไรก็อยากได้ พอเราเป็นคนมีโทสะ สะสมความไม่ชอบ พอเห็นคนนี้เราก็ไม่ชอบ เห็นคนนั้นเราก็ไม่ชอบ เห็นคนโน้นเราก็ไม่ชอบ เพราะเราสะสมโทสะ เป็นปัจจัย เพราะฉะนั้น มีเรื่องต้องขัดเกลามาก เกิดมาแล้วได้ขัดไปหน่อยก็ยังดี แล้วก็เจริญปัญญาขึ้นทุกภพทุกชาติ

~ ยิ่งรู้ว่าอกุศลมากเท่าไหร่ เกิดมาเพื่อที่จะขัดเกลากิเลส โดยการที่ว่าถ้าไม่มีปัญญา ก็ไม่สามารถที่จะขัดเกลาได้ และปัญญาเพียงเล็กน้อย ก็ไม่สามารถที่จะละอกุศลซึ่งมีกำลังที่จะเกิดบ่อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้ จึงเข้าใจคำว่าบารมี (ความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) แม้เพียงเล็กน้อยนิดหน่อย ก็สามารถที่จะลดปริมาณจำนวนของอกุศลซึ่งถ้ากุศลไม่เกิด ก็เป็นอกุศล

~ ปัญญาเท่านั้น ที่จะทำให้เป็นผู้ละเอียด และรู้ถึงความควรและไม่ควร มากยิ่งขึ้นในชีวิตประจำวัน

~ ผู้ที่ศึกษาธรรมและพิจารณาโดยละเอียด ก็ย่อมจะเห็นประโยชน์ของการที่จะไม่ละโอกาสแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ที่จะกระทำกุศล

~
ถ้าจิตดี กายก็จะดี การกระทำทุกอย่างก็จะอ่อนโยนนุ่มนวล ขณะนั้นเป็นไปตามสภาพจิตที่ดี

~ พระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่ไหนเลยทั้งสิ้น ไม่ได้อยู่ที่วัดวาอาราม แต่ว่าอยู่ที่ความเข้าใจของแต่ละคน เพราะฉะนั้น ถ้าสามารถที่จะให้คนอื่นได้มีโอกาสได้ฟังธรรม ได้เข้าใจธรรมถูกต้องขึ้น พระพุทธศาสนาก็ดำรงอยู่ได้ต่อไป

~ คนที่เคยฟังคำสอนอื่น ไปหลงผิด ไปปฏิบัติผิดมา แต่เพราะการที่เคยสะสมความเป็นผู้มีเหตุผล ความเป็นผู้ตรง ความเป็นผู้เห็นสาระของการเข้าใจสิ่งที่จริง ไม่ต้องการสิ่งที่ไม่จริง พอได้ฟังธรรม เขาเปลี่ยนเลย เพราะเหตุว่า เขารู้ว่าที่ผ่านมาแล้วทั้งหมด ไม่ใช่ความถูกต้อง ไม่จริง ไม่ใช่ความเข้าใจใดๆ เลยทั้งสิ้น

~ ธรรมที่เป็นฝ่ายกุศลที่สะสมมายังไม่มากพอที่จะเท่ากับทางฝ่ายอกุศล ถ้าเห็นอย่างนี้จริงๆ ก็ยิ่งต้องเพิ่มความเพียรทางฝ่ายกุศลขึ้น ความเพียรขั้นต้นของการเจริญกุศล ก็คือ ต้องเพียรฟังพระธรรมให้เข้าใจเพิ่มขึ้น ไม่ใช่วันนี้วันเดียว แต่ว่าวันอื่นๆ ต่อไปด้วย

~ ถ้าทุกคนเป็นคนที่ตรงและจริงใจ มุ่งมั่นในความดี ก็เป็นสิ่งหนึ่งและสิ่งเดียวที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงด้วยความสงบ เพราะว่าอกุศลลดน้อยลง และ กุศลก็เพิ่มขึ้น.

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๖๓



กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
mammam929
วันที่ 12 ก.ค. 2563

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนายิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 12 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Dusita
วันที่ 12 ก.ค. 2563

กราบ อนุโมทนา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Khemsai
วันที่ 12 ก.ค. 2563

ขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Nattaya40
วันที่ 12 ก.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
panasda
วันที่ 13 ก.ค. 2563

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 13 ก.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 13 ก.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เมตตา
วันที่ 13 ก.ค. 2563

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Tuangporn
วันที่ 14 ก.ค. 2563

กราบขอบพระคุณในความเมตตากราบท่านอาจารย์ทุกๆ ท่าน

กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
มังกรทอง
วันที่ 7 ส.ค. 2565

ฟังธรรมะ เข้าใจในธรรม ในคำองค์พระศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ