ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๕๖

 
khampan.a
วันที่  17 พ.ค. 2563
หมายเลข  31866
อ่าน  1,419

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๕๖
* *


~ บรรพชิต ต้องไม่ใช่คฤหัสถ์ บรรพชิตจะทำกิจของคฤหัสถ์ไม่ได้ เพราะเหตุว่า ได้สละชีวิตคฤหัสถ์ทั้งหมดที่จะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต เพราะฉะนั้น ต้องศึกษาพระธรรมและประพฤติตามพระวินัย ถ้าพระภิกษุใดไม่ศึกษาพระธรรม แต่คิดจะทำอย่างอื่นและไม่ประพฤติตามพระวินัย เช่น จะรับเงินและทอง คนนั้น ก็ไม่ใช่พระภิกษุ

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ หวังดี เกื้อกูล เป็นประโยชน์ให้คนฟังได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น กัลยาณมิตรสูงสุด ก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำจริง ไม่ได้หวังให้ใครเข้าใจผิด ทรงแสดงธรรมโดยนัยต่างๆ มากมาย หลากหลาย โดยประการทั้งปวง ที่จะทำให้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น

~ ความเข้าใจพระธรรม ก็ทำให้ความประพฤติเป็นไปในทางที่เป็นกุศลดีงามยิ่งขึ้น ไม่มีอะไรที่สามารถจะดลบันดาลได้ นอกจากปัญญาที่เข้าใจว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร ทั้งหมด ก็คือ มาจากพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว

~ สิ่งที่ผิด ควรรู้ว่าผิดไหม (ควร) แล้วควรที่จะชื่นชมสิ่งที่ผิดหรือเปล่า (ไม่ควร) เพราะฉะนั้น ก็ตรง เราไม่ได้ตำหนิใคร ความไม่ดี มีใครบ้างที่ชื่นชมไม่ตำหนิ แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ทรงแสดงโทษของความเห็นผิดและความไม่ดีทุจริตกรรมต่างๆ เราก็กล่าวตามนั้นทุกอย่าง แล้วเราผิดตรงไหน หรือไม่ควรที่จะทำอะไรอีก ในเมื่อทุกคนก็ยอมรับว่าคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ควรอย่างยิ่งที่จะกล่าว ไม่ใช่ว่าไม่ศึกษาไม่กล่าว เพราะเหตุว่า (คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง

~ ถ้าเราไม่พูดสิ่งที่ถูกต้อง ชักชวนเขาในทางที่ผิด เราเป็นมิตรหรือเปล่า เพราะฉะนั้น ก็ต้องรู้ว่าใครเป็นมิตร ถ้า (เป็น) คนที่ทำให้เข้าใจถูก จะเป็นผู้ที่มิใช่มิตรได้หรือ ในเมื่อเพราะหวังดีที่จะให้เข้าใจถูก จึงได้กล่าวคำที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ทราบไหมว่าใครเป็นมิตรที่ดีที่สุด พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะอะไร เพราะตรัสให้คนอื่นได้เข้าใจธรรมที่ถูกต้อง

~ ทุกคำ (ที่เรากล่าว) เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดเลย เป็นสิ่งที่ไม่ใช่คำของเราเอง เพราะฉะนั้น เราจะตำหนิใครหรือในเมื่อเรากล่าวคำที่ถูกต้อง คนที่ทำผิด ถ้าเข้าใจถูกต้อง เป็นประโยชน์ไหม เราเห็นแก่ประโยชน์อันนี้ทั้งประโยชน์ของเขาเองและประโยชน์ของคนอื่นทั้งหมดของโลกที่ว่าจะสงบสุขได้ ความเห็นผิดไม่ได้นำมาซึ่งสิ่งที่จะทำให้เกิดความสงบสุขเลย เพราะว่าไม่เห็นว่าอกุศลเป็นอกุศลจึงทำอกุศลกันทั้งบ้านทั้งเมืองทั้งโลก แต่ถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้อง โลกก็สงบได้ เพราะฉะนั้น ถ้าความไม่เข้าใจ มี โลกไม่สงบแน่ แล้วก็จะพยายามแก้กันโดยวิธีอื่นว่าไม่ต้องแตกแยกๆ แต่ว่าผิดกันหมด สมควรไหม และก็ต้องแตกแยกแน่ เพราะเหตุว่าไม่ใช่ความเห็นที่ถูกต้อง มีการแย่งชิง มีการทำทุกอย่าง (ที่ผิด) เพราะอะไร เพราะไม่รู้ความจริงว่าอะไรเป็นโทษ

~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อพุทธบริษัทต้องอนุเคราะห์กัน ถ้า (พุทธบริษัทหนึ่งพุทธบริษัทใด) ไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิด พุทธบริษัทอื่นที่เข้าใจ ก็จะได้กล่าวข้อความให้บุคคลนั้นได้รับฟัง ได้พิจารณา ได้ไตร่ตรอง ซึ่งก็แล้วแต่ว่าเขาจะเห็นโทษของการประพฤติผิดแล้วคิดที่จะประพฤติถูก หรือเปล่า

~ ไม่ใช่ภิกษุเป็นผู้นำของพุทธบริษัท แต่พระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วต่างหากที่เป็นศาสดาแทนพระองค์

~ ผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้ ทรงแสดงเหตุ คือ ความเห็นถูกต้องว่า สิ่งใดเป็นประโยชน์ สิ่งใดไม่เป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้น คนนั้นมีความเข้าใจถูกเป็นของตนเอง ซึ่งความเข้าใจถูก เป็นปัญญา มีปัญญาที่จะรู้ว่า อะไรคืออะไร เมื่อนั้น ชีวิตก็จะดำเนินไปด้วยปัญญา คือ สามารถที่จะรู้ว่าทางที่ถูก ทางที่ดี เป็นอย่างไร

~ เกิดมาแล้วสิ่งที่มีค่าที่สุด คือ ได้เข้าใจธรรม จะจากโลกนี้ไป จะเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปด้วยไม่ได้ เพื่อนฝูงก็เอาไปไม่ได้ ครอบครัวก็เอาไปไม่ได้ ทรัพย์สมบัติก็เอาไปไม่ได้ แม้ร่างกายที่กำลังนั่งอยู่ที่คิดว่าเป็นเรา ก็เอาไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่เอาไปได้ คือ การสะสมในจิตแต่ละขณะ ที่ดี ชั่ว ไม่ได้หายไปไหนเลย

~ ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีกว่าจะมีแต่ละคำให้เราได้เข้าใจ เพื่อตัวเราที่จะไม่เป็นอกุศล ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลงสารพัดอย่างตั้งแต่เล็กน้อยที่สุดจนถึงใหญ่ที่สุด (การฟังพระธรรม) ก็เป็นบุญ เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า ความดี ถ้าเข้าใจ เมื่อไหร่ก็เกิดได้ คิดดีกับคนอื่นได้ไหม แค่นั้นก็เป็นบุญ ไม่ใช่คิดร้ายกับคนอื่น

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ละคำ ต้องไตร่ตรอง และเป็นผู้ตรงต่อความจริง เป็นผู้ที่มีเหตุผล

~ ถ้าจะรับมรดกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ เป็นผู้เริ่มฟังพระธรรม ซึ่งไม่ใช่คำของคนอื่น

~ ธรรม คือ สิ่งที่มีจริง จากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ ก็ทรงแสดงความจริงของธรรมนั้นให้คนอื่นได้มีโอกาสได้รู้ด้วย จนกระทั่ง จากไม่รู้เลย เป็นรู้ขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ตรงตามที่ได้ฟัง น่าอัศจรรย์ไหม

~ ความไม่รู้ มีไหม มี กำลังไม่รู้ จะบอกว่าไม่มีความไม่รู้ได้อย่างไร

~ อาการโกรธ กระด้าง ผิดปกติ ธรรมดาๆ ไม่โกรธก็ดูดี ไม่เป็นอะไร แต่พอขุ่นขึ้นมานิดเดียว ความกระด้างปรากฏ

~ ความเข้าใจผิดทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด และทำลายประเทศชาติด้วย เต็มไปด้วยอกุศล ก็ลองคิดดูว่า จะดีได้อย่างไร

~ ความไม่รู้ เป็นอกุศล นำมาซึ่งความโลภ ความโกรธ ความริษยา ความสำคัญตน ทุกอย่างหมดที่จะทำลาย เพราะเหตุว่าไม่ได้นำสิ่งที่เป็นประโยชน์มาให้เลย

~ กิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ทำลายอะไรก่อน ทำลายจิต เพราะกิเลสเกิดกับจิต จิตเศร้าหมอง ถูกทำลายไปเรื่อยๆ

~ คิดว่าทำร้ายคนอื่น แต่หารู้ไม่ว่า ก่อนทำร้ายคนอื่น ทำร้ายตนเองแล้ว ถ้าเข้าใจถูกอย่างนี้จะดีขึ้นไหม จะไม่ทำร้ายใคร เพราะว่าการทำร้าย เกิดขึ้นจากจิตของเราที่เลวต่างหาก เพราะจิตเลว จึงสามารถทำสิ่งที่เลวได้ เพราะฉะนั้น โลกจะสงบขึ้นไหม ถ้าทุกคนเป็นคนดีเพิ่มขึ้น ประเทศชาติจะมั่นคงขึ้นไหม ถ้าทุกคนเป็นคนดีเพิ่มขึ้น

~ คำใดที่เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นไปเพื่อการละ ไม่ใช่เป็นไปเพื่อการจะได้มา เพราะการที่จะได้มาทั้งหมด เป็นเรื่องของความต้องการ เป็นเรื่องของความไม่รู้ แต่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ เป็นไปเพื่อละความไม่รู้และละกิเลสอื่นๆ ด้วย ซึ่งจะเป็นไปได้ก็ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง

~ เวลาที่มีการสละสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้ผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของเขา ถ้าสติไม่เกิดระลึกเป็นไปในการให้ จะไม่มีการให้เลย

~ กุศลเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ไม่ใช่เรา แต่สติเกิดขึ้นระลึกเป็นไปในกุศล

~ ผู้ที่มีการสะสมที่จะมีความเข้าใจผิด ไปไหน ไม่ได้ไปหาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย แต่ไปไหน ไปหาคนอื่นที่มีชื่อเสียงที่เขาคิดว่าถูกต้อง เพราะฉะนั้น เป็นธาตุ (สิ่งที่มีจริง ทรงไว้ซึ่งลักษณะของตน) ทั้งหมด ความไม่รู้กับความเห็นผิด ก็ไปตามความไม่รู้และความเห็นผิดซึ่งเกิดขึ้นนำไป

~ พระธรรม ยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง เพื่อให้คนได้เข้าใจถูก คนที่เห็นผิดจะได้รู้ว่าความจริงคืออย่างไร ที่ถูกคืออย่างไร เป็นประโยชน์สำหรับเขาที่จะไม่ไปหาความเห็นอื่น

~ ฟังพระธรรมเมื่อไหร่ ก็คือ เป็นผู้เข้าใกล้คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อนั้น ไม่ไปสู่คำอื่น

~ ก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระปัจฉิมวาจา คำสุดท้ายของพระองค์ คือ จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม ให้ถึงพร้อมหมายความว่า ฟังพระธรรมก็ต้องไม่ประมาทในความลึกซึ้งของพระธรรม เพราะถ้าประมาท ก็ไม่เข้าใจทันที

~ กุศลจิตเกิดเมื่อไหร่ ไม่มีปัญหา อกุศลจิตเกิดเมื่อไหร่ ก็มีปัญหา ปัญหาของชาติ มีมาก เพราะอกุศลมาก ถ้ากุศลมาก ปัญหาก็ค่อยๆ ลดลง

* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๕๕



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
petsin.90
วันที่ 17 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
mammam929
วันที่ 17 พ.ค. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
panasda
วันที่ 18 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 18 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Nattaya40
วันที่ 19 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
kukeart
วันที่ 24 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 31 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ