ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๕๕

 
khampan.a
วันที่  10 พ.ค. 2563
หมายเลข  31848
อ่าน  1,794

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๕๕ * *


~ พุทธบริษัท ขณะนี้เหลือเพียง ๓ คือ ภิกษุ อุบาสก และ อุบาสิกา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ควรที่จะได้ฟังได้ศึกษาพระธรรม แม้แต่การเป็นอุบาสกอุบาสิกาก็ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะต้องเป็นผู้ที่เข้าไปนั่งใกล้พระรัตนตรัย มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่่ง เข้าใกล้พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

~ ใครอยู่ในวัดวาอาราม ใครอยู่ในสถานที่นั้น? ต้องเป็นผู้ที่มีศรัทธา มีปัญญา ได้ฟังพระธรรม รู้อัธยาศัยที่จะอบรมเจริญปัญญาในเพศที่สละอาคารบ้านเรือน เป็นบรรพชิต

~ บวชเพื่อเข้าใจพระธรรม เพื่อขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ถ้าไม่ใช่เพื่อเข้าใจพระธรรม การบวชไม่มีประโยชน์เลย เพราะเหตุว่าการบวชเพื่อขัดเกลากิเลสด้วยความเข้าใจพระธรรม ถ้าไม่มีความเข้าใจพระธรรม จะเอาอะไรมาขัดเกลากิเลส เอาความไม่รู้มาขัดเกลากิเลสไม่ได้ ที่จะขัดเกลากิเลสได้ ก็ต้องด้วยความเข้าใจพระธรรม

~ โอกาสที่ประเสริฐ ไม่ว่าจะเป็นใคร วัยใด คือ โอกาสที่ได้ฟังพระธรรม

~ พระธรรมแต่ละคำที่แต่ละคนได้ยินได้ฟังนี้ มาจากการบำเพ็ญพระบารมี
(คุณความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) นานแสนนานของผู้ที่จะได้ทรงตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ละคำคือพระมหากรุณาคุณตั้งแต่ครั้งทรงบำเพ็ญพระบารมีเป็นพระโพธิสัตว์จนกระทั่งได้ทรงตรัสรู้ มีค่ามากสำหรับที่จะทำให้คนอื่นได้มีความเข้าใจจริงๆ ในเรื่องของกรรม ในการเห็นโทษของอกุศล ในเรื่องของการละชั่ว ทำความดีให้ถึงพร้อม และชำระจิตให้บริสุทธิ์หมดจดจากอกุศล เป็นต้น ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระองค์ ก็จะไม่ได้ยินแม้แต่คำว่า ธรรม

~ ถ้าใครเข้าใจพระธรรม ก็เป็นประโยชน์ตรงนั้นกับเขา ถ้าเข้าใจกันหมดมากขึ้นๆ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
(ในทางที่ดี) อย่างเวลานี้คนก็ไม่ให้เงินทองแก่พระภิกษุ เพิ่มขึ้นแล้ว เพราะความเข้าใจที่ถูกต้อง ค่อยๆ เข้าใจขึ้น เขาก็ทำตามความเข้าใจของเขา เพราะเขารู้ว่าเขาไม่ได้ทำผิด แล้วเขาก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ด้วย

~ ชีวิตจะดีขึ้น เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ด้วยอะไร? ถ้าไม่ใช่เพราะปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้น


~ ชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร? ไม่ใช่กิน นอน ติดข้อง ซึ่งเป็นชีวิตประจำวัน แต่เพื่อที่จะได้รู้ความจริงได้ถึงการหลุดพ้นจากความไม่รู้และกิเลสทั้งหลาย

~ ลาภอันประเสริฐที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ทุกคนที่ฟังธรรม ก็คือความเห็นถูกความเข้าใจถูก ในขณะที่เห็นถูกเข้าใจถูกนั้น สงบจากความไม่รู้และจากความเข้าใจผิด

~ มีตำแหน่งดีๆ แต่ความประพฤติไม่ดี มีใครสรรเสริญ มีใครเคารพยกย่องหรือเปล่า? เพราะฉะนั้น สิ่งที่ควรแก่การยกย่องสรรเสริญจริงๆ ต้องเป็นคุณความดี

~ โรคริษยาน่าเกลียดไหม? อยู่ดีๆ แท้ๆ ก็ไปเที่ยวริษยาอะไรก็ไม่รู้ ทนไม่ได้ที่จะเห็นสิ่งที่ดีงามแต่ว่าเป็นของคนอื่นไม่ใช่ของเรา นี่ก็คือ ไม่ได้มีการเห็นโทษของอกุศลเลย แต่พระธรรมจะชี้ให้เห็นตามความเป็นจริงว่าอกุศลเป็นอกุศล แยบยลหลากหลายและละเอียดมากด้วย ยากที่จะรู้ได้ แต่ปัญญาก็ยังสามารถที่จะรู้ทุกอย่างถูกต้องตามความเป็นจริงได้

~ การช่วยเหลือสงเคราะห์บุคคลอื่นแม้เล็กน้อย ขณะนั้นก็เป็นกุศลจิต มีมือมีเท้าที่จะทำกุศลในขณะนั้น

~ ขณะใดที่เป็นอกุศล ทั้งหมด เดือดร้อน

~ เมื่ออกุศลของตนเองมี จึงเดือดร้อนเมื่อเห็นอกุศลของคนอื่น เพราะฉะนั้น ก็บวกไปบวกมาหลายเท่า เพิ่มไปเพิ่มมาอยู่เรื่อยๆ

~ รู้ความจริง เข้าใจความถูกต้อง ก็จะมีชีวิตที่เป็นประโยชน์ในที่ทุกสถาน

~
ธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ของใคร เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วดับไป แล้วใครจะเป็นเจ้าของได้


~ ความทุกข์ ความเจ็บ ทุกอย่างที่ไม่น่าปรารถนา มาจากเหตุที่ไม่ดีเท่านั้น

~ ชาตินี้ชัดเจน กุศลกรรมเกิดเมื่อไหร่ก็เป็นที่พึ่งอาศัยได้ว่าจะไม่ไปสู่อบายภูมิ แต่ถ้าอกุศลกรรมหรืออกุศลจิต มีมากๆ ใครก็ช่วยไม่ได้

~ ที่ว่าทำดีมาตลอด ทำเท่าไรก็ไม่พอ ความดีที่คิดว่าทำมามากเท่าไรก็ยังไม่พอ เพราะเหตุว่าอกุศลจิตยังมีโอกาสที่จะเกิดอยู่เรื่อยๆ แล้วทำไมจะคิดถึงความดีในปัจจุบันชาติ ความไม่ดีในอดีตลืมเสียแล้วหรือว่าเคยมีหรือเปล่า?

~ เมื่อได้ฟังธรรมรู้ว่าอกุศลกรรมเป็นสิ่งที่ไม่ดีแล้วจะกระทำหรือไม่? ถ้ากระทำอกุศลกรรม แสดงว่านั่นไม่ใช่ปัญญา เพราะขณะที่กระทำอกุศลกรรม จะเป็นปัญญาไม่ได้

~ ความเข้าใจพระธรรม รักษาให้พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง ความเข้าใจในขณะนี้ ก็เพิ่มพูนมาจากการได้เข้าใจทีละเล็กทีละน้อย

~ มั่นคงในเรื่องกรรมและผลของกรรม เพราะเป็นธรรมจริงๆ ถ้าเหตุดี ผลก็ต้องดี เหตุไม่ดี ผลก็ต้องไม่ดี แล้วมั่นคงในการที่จะทำความดีด้วยเพราะว่า เชื่อเรื่องกรรมแล้ว จะทำชั่วไหม?

~ เมื่อถึงคราวที่จุติจิตจะเกิดขึ้นเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ (ตาย) ก็เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย มีเงินทองมากมายมหาศาล หรือจะมีแพทย์สักกี่คน ก็ไม่สามารถทำให้ไม่ตายได้ และเมื่อสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้แล้ว จะไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีกเลย

~ มั่นคงในการทำความดี ไม่กลัวอะไรเลยทั้งสิ้น ปัญญาและความดี จะกลัวอะไร? เพราะฉะนั้น ก็ทำทุกอย่าง เต็มที่เต็มความสามารถที่จะเป็นประโยชน์

* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *


ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๕๔



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
petsin.90
วันที่ 10 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 10 พ.ค. 2563

โอกาสที่ประเสริฐ ไม่ว่าจะเป็นใคร วัยใด คือ โอกาสที่ได้ฟังพระธรรม

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
meenalovechoompoo
วันที่ 10 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Khemsai
วันที่ 10 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Nattaya40
วันที่ 10 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
มกร
วันที่ 10 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
j.jim
วันที่ 10 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
siraya
วันที่ 11 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 11 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
kornkamol
วันที่ 12 พ.ค. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
panasda
วันที่ 13 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
mammam929
วันที่ 14 พ.ค. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Tuangporn
วันที่ 23 ส.ค. 2563

กราบขอบพระคุณกราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 3 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ