การเกิดเป็น ยักษ์ และ กุมภัณฑ์ กุศลวิบากนำไปเกิดหรืออกุศลวิบากนำไปเกิดกันแน่?

 
JYS
วันที่  18 ม.ค. 2563
หมายเลข  31467
อ่าน  3,911

เห็นในพระไตรปิฎกและอรรถกถา บ้างก็ว่ายักษ์กินมนุษย์ บ้างก็ว่ายักษ์เสวยสุขอันเป็นทิพย์ แม้ยักษ์ชั้นสูงก็กินมนุษย์ก็มี และยักษ์ชั้นต่ำก็จะมีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว

ถ้ายึดตามประวัติ สาตาคิรยักษ์ เหมวตยักษ์ ชวนสภยักษ์ ก็เกิดเป็นยักษ์เพราะกุศลวิบาก แม้ประวัติของปุณณกยักษ์ในวิธุรชาดก ก่อนจะมาเกิดเป็นยักษ์ก็เป็นมนุษย์ทำกุศลกรรมจึงได้มาเกิดเป็นยักษ์ผู้มีอานุภาพมาก ยิ่งใกญ่กว่ากุมภิรยักษ์ผู้รักษาแก้วมณีมียักษ์และกุมภัณฑ์แสนหนึ่งเป็นบริวาร และปุณณกยักษ์ก็ยังเป็นหลานของท้าวเวสวัณมหาราชอีกด้วย

แต่อาฬวกยักษ์ในสมัยพุทธกาล ก็เป็นยักษ์ชั้นสูงแม้อยู่ในต้นไทร ก็กินมนุษย์ผู้เข้าไปในเขตของตน กินมนุษย์เสมือนว่ากินเนยใสเนยข้นฉะนั้น

และแม้มีวิมานใหญ่ ๓ โยชน์ มียักษ์ชื่อ คัทรภะ ผู้เฝ้าประตูวิมาน มีนางยักษิณีผู้เป็นบริจาริกามากมาย มีอาหารทิพย์ มีรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสอันเป็นทิพย์ ในอรรถกถา อาฬวกสูตร ก็กล่าวถึงนางยักษิณีผู้เป็นบริจาริกาของอาฬวกยักษ์ว่า

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสปกิณณกธรรมกถาแก่หญิงเหล่านั้น โดยนัยเป็นต้นว่า ในกาลก่อน พวกท่านถวายทาน สมาทานศีล บูชาผู้ควรบูชา จึงได้สมบัตินี้ แม้ในบัดนี้ ขอพวกท่านจงทำอย่างนั้นแล อย่าเป็นผู้มีอิสสาและมัจฉริยะกันและกันเลย.

ผมเลยสงสัยทำไมยักษ์จึงยังกินมนุษย์?

คือเท่าที่ผมศึกษามันแย้งกันไปยังไงไม่รู้หรือผมศึกษาไม่ทั่วเอง แต่เท่าที่ผมทราบอย่างแน่ชัดคือ ครุฑ และ นาค ไม่สงสัยเพราะเป็นสัตว์เดรัจฉานอย่างแน่นอน ส่วนคนธรรพ์ก็เป็นเทพ เช่น ปัญจสิขคันธัพพเทพบุตร สุริยวัจฉสาคันธัพพเทพธิดา

ส่วนยักษ์และกุมภัณฑ์บ้างว่าเป็นเทวดา บ้างว่ามีอัณฑะใหญ่เหมือนหม้อ สรุปว่ายักษ์และกุมภัณฑ์นี่เกิดด้วยกุศลวิบากหรืออกุศลวิบากกันแน่ เพราะถ้าเกิดด้วยกุศลวิบากย่อมได้ซึ่งรูปอันเป็นทิพย์คือมีรูปกายสวยงามและเสวยผลแห่งทิพยกามคุณ แต่ถ้าเป็นอกุศลวิบากก็ต้องตรงกันข้ามกันสิ ซึ่งยักษ์ และ กุมภัณฑ์ ไม่ใช่เปรต ไม่ใช่อสุรกาย ไม่ใช่สัตว์นรก ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน ไม่ใช่พรหม ก็เหลืออย่างเดียวคือเป็น "เทวดา" เท่านั้น

ถ้ายักษ์เป็นเทวดายักษ์ต้องไม่กินมนุษย์ ถ้ากุมภัณฑ์เป็นเทวดากุมภัณฑ์ต้องไม่มีอัณฑะใหญ่เหมือนหม้อ ยักษ์และกุมภัณฑ์ต้องไม่มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว และก็คงจะไปจบลงที่พระอภิธรรมสรุปว่าการเกิดเป็น ยักษ์ และ กุมภัณฑ์ กุศลวิบากนำไปเกิดหรืออกุศลวิบากนำไปเกิดกันแน่?

ช่วยชี้แจงให้กระจ่างชัดกระจ่างแจ้งด้วยครับ ขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 19 ม.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ทุกสิ่งทุกอย่างตรงตามความเป็นจริง รวมการเกิดในภพภูมิต่างๆ ซึ่งหลากหลายวิจิตรเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมีเหตุมาจากกรรม ในเบื้องต้นที่พอจะเข้าใจได้คือการเกิดในสุคติภูมิ เป็นมนุษย์หรือเป็นเทวดา ต้องมาจากกุศลกรรม ส่วนการเกิดในอบายภูมิ ต้องมาจากอกุศลกรรม ไม่มีใครทำให้เลย แต่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น

การเกิดเป็นยักษ์ เป็นกุมภัณฑ์ ก็คือ เทวดาชั้นต้น แน่นอนต้องเป็นกุศลวิบากที่ทำกิจปฏิสนธิ การจะมีรูปร่างอย่างไรๆ นั้น ไม่มีใครไปจัดสรร แต่ต้องมาจากเหตุ และเมื่อเกิดมาแล้ว การสะสมมาก็หลากหลายมาก มีการประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่น ก็มี ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ยักษ์กินคน ก็ปรากฏมากในพระไตรปิฎก ซึ่งนั่นเป็นเหตุใหม่ เป็นการกระทำที่ไม่ดี ในบางชาดก อย่างในสุตนชาดก ก็มีเหตุการณ์ที่กล่าวถึงพระโพธิสัตว์สามารถเกื้อกูลยักษ์ที่เคยดุร้ายกินคน ให้เลิกในพฤติกรรมที่ไม่ดีเหล่านั้นได้

กุมภัณฑ์ คือ เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา มีท้าววิรุฬหกเป็นผู้ปกครอง แต่ในพระวินัย มีข้อความที่แสดงถึงพระมหาโมคคัลลานะ ได้เห็นกุมภัณฑเปรต ที่ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนอย่างมาก นั่น เป็นเปรต เป็นสัตว์ในอบายภูมิ ไม่ใช่เทวดาชั้นต้น ซึ่งเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เขาได้เคยเป็นผู้พิพากษาโกงชาวบ้าน อยู่ในพระนครราชคฤห์

การเกิดไม่ว่าจะเป็นในภพภูมิใด ยังไม่พ้นจากทุกข์ แต่ขณะนี้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ควรที่จะเป็นผู้ไม่ประมาทในอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย และ ไม่ประมาทในการเจริญกุศล ไม่ประมาทในการอบรมเจริญปัญญา สะสมเป็นที่พึ่งต่อไป ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ