สมัยพุทธกาลมีหญิงโสเภณีหลายคนที่ได้บรรลุธรรม...จริงหรือครับ?

 
lovedhamma
วันที่  12 มี.ค. 2562
หมายเลข  30546
อ่าน  5,012

จากหัวข้อเลยนะครับว่าจริงหรือ คือใครและเป็นไปได้อย่างไร แล้วผู้ชายที่ไปใช้บริการทางเพศกับหญิงโสเภณีในครั้งพุทธกาล...ไม่ผิดศีลข้อ3 ด้วย เพราะหญิงโสเภณีในสมัยนั้นได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองให้ไปเป็นโสเภณี ฝ่ายชายเลยไม่บาป...จริงหรือครับ?


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 13 มี.ค. 2562

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนจะเป็นพระโสดาบัน ก็มีการประกอบอาชีพเป็นไปตามการสะสม บางท่านก็เป็นนายพรานล่าเนื้อ ฆ่าสัตว์เป็นประจำ แต่เมื่อได้ฟังพระธรรมก็บรรลุเป็นพระโสดาบัน เลิกอาชีพนั้นไป บางท่านเป็นโสเภณี หญิงงามเมือง ก่อนเป็นพระโสดาบัน แต่เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้วก็เลิกอาชีพนั้นไป ส่วนผู้ชายที่ไปหาหญิงงามเมือง สมัยนั้น ก็มีการรับรองและอนุญาตจากผู้ปกครอง มีมารดา บิดา และ กษัตริย์ เป็นต้น แล้วให้สามารถทำได้ มีการขออนุญาตจากผู้ปกครอง ผู้ชายก็ไม่ได้ผิดศีล ข้อ 3 อะไรครับ

เพราะฉะนั้นผู้ที่บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันแล้ว ย่อมละอาชีพที่เศร้าหมอง มีการเป็นโสเภณีเป็นต้น ก็มีตัวอย่างในพระไตรปิฎกครับ และแม้มีอาชีพ เป็นหญิงงามเมือง ซึ่งหญิงงามเมือง คือ เมืองนั้นจะเลือกผู้หญิงที่สวยที่สุดในเมือง เพื่อรับแขกบ้าน แขกเมืองจากที่อื่น หรือ อาจจะรับจ้างก็ได้ครับที่เป็นโสเภณี โดยแลกกับเงิน เช่น นางสิริมาซึ่งสวยงามมาก ต้องแลกด้วยเงิน 1000 กหาปณะ ในวันหนึ่งครับ ซึ่งแม้การทำการงานเศร้าหมองอย่างนี้ ก็ไม่สามารถกั้นปัญญาที่อบรมมาที่จะบรรลุได้ครับ เพราะสามารถบรรลุเป็นพระโสดาบันได้ครับ

นางสิริมา ประกอบอาชีพเป็นโสเภณี สามีของอุตตรา นำนางสิริมามาที่เรือนด้วยการให้เงิน แต่เมื่อนางสิริมาอยู่หลายวันเข้า ก็สำคัญว่าตนเองเป็นภรรยหลวง เป็นใหญ่ในเรือน เห็นนางอุตตรากำลังประกอบอาหาร ถวายพระพุทธเจ้า จึงลงไปจากปราสาท นำเนยใสที่ร้อน เทใส่นางอุตตราผู้เป็นพระโสดาบัน นางอุตตรามีจิตเมตตากับนางสิริมาเนยใสที่ร้อนจึงไม่สามารถทำอะไรได้ ตอนหลังนางสิริมารู้คุณของนางอุตตราและจะขอขมาลาโทษกับนางอุตตรา นางอุตตราจึงให้ไปขอโทษกับบิดาของท่าน อันหมายถึงพระพุทธเจ้า นางสิริมาจึงจัดแจงอาหาร และถวายทานกับพระพุทธเจ้าและได้เล่าเรื่องให้พระพุทธเจ้ารับรู้ พระองค์แสดงธรรม นางสิริมา ผู้ทำอาชีพโสเภณี บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันครับ

ท่านยังทำอาชีพนั้นอยู่หรือไม่ คำตอบคือ นางสิริมาได้บรรลุเป็นพระโสดาบันแล้ว ไม่ประกอบอาชีพที่เศร้าหมองนั้นอีกครับ คือไม่ประกอบอาชีพโสเภณีอีก เพราะด้วยการบรรลุคุณธรรมเป็นพระโสดาบันนั่นเอง ขออนุโมทนาครับ

[เล่มที่ 48] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 129

อรรถกถาสิริมาวิมาน

สิริมาวิมาน มีคาถาว่า ยุตฺตา จ เต ปรมอลงฺกตา เป็นต้น.

สิริมาวิมานนั้น เกิดขึ้นอย่างไร?

พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน

กรุงราชคฤห์. สมัยนั้น โสเภณีชื่อสิริมา ที่กล่าวไว้ในเรื่องติดต่อมาใน

หนหลัง [อุตตราวิมาน] สละงานที่เศร้าหมอง [ การเป็นโสเภณี ]

เพราะบรรลุโสดาปัตติผล ได้ตั้งสลากภัต ๘ กอง แก่พระสงฆ์. ตั้งแต่

ต้นมา ภิกษุ ๘ รูปก็มาเรือนนางเป็นประจำ.

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วิริยะ
วันที่ 14 มี.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 14 มี.ค. 2562

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

~ การรู้แจ้งธรรมเป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาที่พร้อมแล้ว เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก็ทำให้ท่านได้รู้แจ้งธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคล

ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก สำหรับประเด็นเรื่องผิดศีลข้อ ๓ หรือไม่ ต้องพิจารณาจากองค์ของศีลข้อนี้ด้วย คือ

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๕๔๙

กาเมสุมิจฉาจารนั้น มีองค์ประกอบ ๔ อย่าง คือ เป็นบุคคลต้องห้าม ๑ จิตคิดจะเสพในบุคคลต้องห้ามนั้น ๑ การประกอบการเสพ ๑ การยังมรรคให้ดำเนินไปในมรรคหรือหยุดอยู่ ๑

------------------------------------------------

สำหรับฝ่ายชาย แล้ว การที่จะล่วงศีลข้อกาเมสุมิจฉาจาร (การประพฤติผิดในกาม) นั้น ต้องเป็นเพราะมีเจตนาก้าวล่วงและมีการประพฤติผิด มีการประพฤติผิดในหญิงที่มีสามี หรือหญิงที่มีผู้ปกครองคอยรักษา ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องศึกษาอย่างละเอียดจริงๆ

สำหรับการร่วมเพศการมีการร่วมเพศกับหญิงโสเภณีของผู้ชาย ผิดศีลหรือไม่? กล่าวได้ว่า ผิดศีลข้อที่ ๓ ก็มี ไม่ผิดศีลก็มี ที่ผิดเพราะหญิงนั้นไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง ถ้าหญิงนั้นได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองให้มาทำอาชีพนี้ ชายที่ไปอยู่ร่วมด้วยการจ่ายค่าตัว เพื่อเป็นภรรยาชั่วคราว ชายคนนั้นไม่ผิดศีลข้อ ๓, โอกาสที่ฝ่ายชายจะผิดศีลข้อนี้ ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้มาก เพราะไม่สามารถทราบได้ว่า ใครเป็นใคร มีการยินยอมหรือได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองหรือไม่ ที่ดีที่สุด คือ ไม่ไปไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้อันเป็นสิ่งที่ไม่เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมในชีวิตประจำวัน ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ประสาน
วันที่ 18 มี.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ประสาน
วันที่ 18 มี.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 20 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ