ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ซาบซึ้งในหทัย [ครั้งที่ ๒๒] ตอน มานมัสการสังเวชนียสถานทำไม?

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  15 ม.ค. 2562
หมายเลข  30391
อ่าน  2,225

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จากการได้ติดตามข่าวคราวการเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานทั้งสี่ที่ประเทศอินเดียของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาและคณะฯ ซึ่งจัดโดย ดร.มล.ญาศินี จักรพันธ์ุ สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ หมายเลข ๑๖๒๕ และคุณฟองจันทร์ วอลช สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ หมายเลข ๓๐ ระหว่างวันที่ ๑๒ - ๒๑ มกราคม ศกนี้

ขณะนี้ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะฯ กำลังพำนักอยู่ ณ โรงแรมปาวาล เมืองสาวัตถี ในระหว่างการสนทนาธรรมและสักการะพระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้เมืองสาวัตถี (Shravasti) ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ จากนั้นจึงเดินทางต่อ (โดยเครื่องบิน) ไปยังเมือง ปัตนะ ราชคฤห์ พุทธคยา และพาราณสี (อีกคณะหนึ่งไปกุสินาราโดยทางรถยนต์ ก่อนจะไปพบกับคณะของท่านอาจารย์อีกครั้งที่เมืองปัตนะ) ตามลำดับ

วันนี้ (๑๕ มกราคม ๒๕๖๒) ผู้ช่วยศาสตราจารย์อรรณพ หอมจันทร์ ได้กรุณาส่งคลิปเสียงสนทนาธรรม ณ พระวิหารเชตวัน เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับคล้ายวันเกิดของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ซึ่งท่านมีอายุครบ ๙๒ ปี ในวันนั้น มาให้ได้รับฟังทางไลน์

จากการที่ได้ติดตามชมภาพกิจกรรมการเดินทางของท่านอาจารย์และคณะฯ จากทางเฟซบุ๊คของคุณนภา จันทรางศุ และคุณฟองจันทร์ วอลช ประกอบกับการที่ได้ฟังความการสนทนาธรรม ที่อาจารย์อรรณพ กรุณาส่งมาให้ได้ฟังทางไลน์ในเช้าวันนี้ ทำให้มีความรู้สึกปีติยินดี ซาบซึ้ง ในหทัย เป็นอย่างยิ่ง ที่แม้ไม่มีโอกาสได้เดินทางมากราบสักการะพระวิหารเชตวันกับท่านอาจารย์ในครั้งนี้ แต่ยังเป็นผู้มีบุญที่ได้เคยกระทำไว้แต่ปางก่อน ทำให้มีโอกาสได้ฟังความการสนทนาที่พระวิหารเชตวันในวันสำคัญครั้งนี้ แม้เพียงความยาวไม่กี่นาที แต่มีความประทับใจ ซาบซึ้งใจที่ได้ฟัง จึงขออนุญาตนำมาบันทึกไว้ เป็น ณ กาลครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นที่รำลึกถึงวาระอันสำคัญนี้ และเพื่อประโยชน์แก่ท่านที่สนใจ ที่จะอ่านและพิจารณา สืบไป

อนึ่ง ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณนภา จันทรางศุ สำหรับภาพ ณ พระวิหารเชตวัน ที่สวยงามยิ่งพร้อมกับคลิปสั้นๆ ของการประทักษิณของท่านอาจารย์และคณะฯ รอบพระคันธกุฎี พร้อมเสียงของน้องโอ (ปวีร์ คชภักดี) ที่ดังกึกก้อง กังวาน ไปทั่วพระวิหารเชตวันในวันนั้น ทั้งขอขอบพระคุณและอนุโมทนา ภาพการสนทนาธรรม ณ โรงแรมปาวาล จากคุณฟองจันทร์ วอลช ที่จะขออนุญาตนำมาบันทึกไว้ ณ กาลนี้พร้อมกัน นะครับ

ผศ.อรรณพ ประโยชน์จริงๆ ที่ได้เดินทางมานมัสการสังเวชนียสถาน เช่น ที่พระเชตวัน ประโยชน์จริงๆ คืออย่างไรครับ

ท่านอาจารย์ มานมัสการ แสดงว่า รู้คุณของพระรัตนตรัย เพราะฉะนั้น ต้องมี สัจจะ ความจริงใจ ต้องมี อธิษฐาน ความมั่นคง ว่าคำที่ได้ยินได้ฟัง ได้ไตร่ตรองแล้ว ว่าเป็นคำจริง เป็นที่พึ่ง ที่จะทำให้สามารถรู้ความจริง ที่กำลังปรากฏ จนกว่าจะดับกิเลส

ซึ่งลองคิดดู กิเลสอยู่ไหน? อยู่ที่ "ใจ" อะไรอยู่ภายในที่สุด หทัยคือใจ ไม่มีอะไรลึกอยู่ในยิ่งกว่าใจ และกิเลสทั้งหมดก็อยู่ที่นั่น ติดอยู่ที่นั่น แน่นหนาและทับถม แต่ละขณะที่มีการเห็น การได้ยิน ในสังสารวัฏมาแล้ว แล้วก็มีกิเลสหลายประเภท กิเลสซึ่งขณะนี้มี ไม่รู้เลยใช่ใหม? แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า หลังจากที่จิตเห็นดับไป ขณะนี้กำลังเห็น นับไม่ถ้วน แต่ "เพียงหนึ่งขณะจิตที่เกิดเห็นแล้วดับ" สืบต่อด้วยจิตอีก ๓ ขณะ อกุศลเกิดแล้ว ไม่มีใครรู้เลย!!

แต่ผู้สิ้นกิเลสคือผู้สิ้นอาสวะ เพราะฉะนั้น กิเลสซึ่งเกิดหลังเห็น หลังได้ยิน พวกนี้ แม้ว่าเป็นกิเลสอย่างเบาบาง แต่ยังเหลือ ยังมี เป็น อาสวะ มาจากไหน? มาจากกิเลสที่เคยเกิดแล้ว

จิตเป็นสภาพที่สะสม ทั้งบุญและบาป ทุกอย่างที่เป็นสิ่งซึ่งเป็นกุศลธรรม อกุศลธรรม และสำหรับพระอรหันต์ก็เป็น อัพยากตธรรม นี่ก็เป็นเรื่องที่พระองค์ตรัสไว้ทั้งหมด แต่สำหรับเรา ที่จะเข้าใจคร่าวๆ ก็คือว่า เรามีกิเลสมาก แล้วใครก็เอากิเลสออกไม่ได้ นอกจาก "คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"

เพราะฉะนั้น แต่ละคำ ทำให้เกิดปัญญา "ธรรมะเตชะ" แต่ละคำ ที่สามารถจะทำให้เข้าใจสิ่งที่มี และเห็นโทษเห็นภัยอย่างยิ่งว่า กิเลสมีมากไหมวันนี้? นอนหลับยังมี แล้วตื่นขึ้นจะไม่มีหรือ? หลับสนิทมีกิเลส พร้อมที่จะเกิด อย่างบางที่สุด เป็นอาสวะ หลังเห็น ๓ ขณะ หลังได้ยิน ๓ ขณะ

เมื่อรู้อย่างนี้ ก็รู้ว่า ที่เกิดไม่ใช่เรา ถ้าไม่มีกิเลส หมดกิเลส ไม่เกิด แสดงว่าทุกคนที่เกิด มีกิเลส แต่กิเลสก็ไม่ใช่เรา มีจริงๆ ทั้งหมดเป็นธรรมะ!!

เพราะฉะนั้น แต่ละคำให้รู้ว่า ธรรมะคือสิ่งที่มีจริง ไม่มีใครไปทำให้เกิดขึ้นได้เลย แต่ไม่เกิดไม่ได้!! เมื่อมีปัจจัยที่จะให้เกิดก็เกิด เพราะฉะนั้น กิเลสที่ละเอียด ที่นอนเนื่อง ติดแน่นอยู่ในจิต แม้กำลังหลับสนิท เป็น อนุสัยกิเลส เป็นอนุสย ที่ติดอยู่ในจิต

เพราะฉะนั้น กิเลสนี้จะหมดได้ คิดดู ไม่ใช่กิเลสผิวเผิน วันนี้ก็อดทนได้ อาหารไม่ค่อยอร่อย ดูเป็นคนดี คนเก่ง เขาว่าเราเราก็ไม่โกรธ ก็ดูจะเป็นคนดี แต่หารู้ไม่ว่า กิเลสยังมีอยู่ ในสังสารวัฏด้วย ไม่เคยขาดไปเลย กิเลสนี้แหละ ลึกที่สุด!! ติดแน่นที่สุด!! หนาแน่นที่สุด!! แล้ว "ดับได้ด้วยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ซึ่งเป็น ธรรมะเตชะ "เตชะ" คือ "เผา" สภาพธรรมที่ตรงกันข้าม

เพราะฉะนั้น ปัญญาที่เกิดจากความเข้าใจ จากคำที่ได้ฟังพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ จะค่อยๆ นำกิเลสออก จนหมด ตามลำดับ อย่างที่สาวกทั้งหลายในครั้งอดีต ก็ได้บำเพ็ญบารมีและได้ดับกิเลสหมดแล้ว

แต่สำหรับทุกคน แต่ละคน ต้องเป็นผู้ที่ตรง-สัจจะ เดี๋ยวนี้ไม่รู้!! แล้วจะรู้เมื่อไหร่? ก็ต้อง "เดี๋ยวนี้" แต่เดี๋ยวนี้ฟังธรรมะ เข้าใจเพียงเท่านี้ ยังเอากิเลสออกไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีการฟังเลย ก็หมดหนทาง และธรรมลึกซึ้งอย่างยิ่ง พร้อมที่จะให้คนที่ประมาท หลงผิด เข้าใจผิด ทันที ไปทำอย่างอื่น ซึ่งไม่ใช่การฟังพระธรรมที่จะเข้าใจสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้

เพราะฉะนั้น จากคำที่ว่า ธรรมะคืออะไร ธรรมะคือทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริง มากมาย ยังไม่ถึงแต่ละหนึ่งเลย แล้วหนึ่งนั้นก็ดับๆ ๆ ไปหมด เพราะฉะนั้น ไม่ได้ดับอะไรเลย ถ้ากล่าวว่ามากมายและทุกอย่างเป็นธรรมะ ต้องชัด!! ละเอียด และตรง ธรรมะคือสิ่งที่มีจริง แต่สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ เป็นธรรมะหรือยัง?

"เห็น" เป็นธรรมะหรือยัง? ในเมื่อเรากล่าวว่า สิ่งที่มีจริงเป็นธรรมะ เห็นก็เป็นธรรมะ เพราะฉะนั้น"เห็น" เดี๋ยวนี้เป็นธรรมะหรือยัง? ถ้ายังไม่เป็น ก็ต้องหมายความว่า เราจะไปทำให้เป็น ได้ไหม? นอกจากความเข้าใจ ทีละเล็ก ทีละน้อย ค่อยๆ สะสมไป อย่างมั่นคง ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ขณะใดก็ตาม ปัญญาจะเกิด ก็คือ ฟังเรื่องสิ่งที่มี ให้รู้ว่าเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา จนกว่า "เดี๋ยวนี้เป็นธรรมะ" จริงๆ

กราบขอบพระคุณ ผศ.อรรณพ หอมจันทร์ ในกุศลวิริยะและความเกื้อกูลให้ได้ฟังธรรมทันกาล ในครั้งนี้ ขอบพระคุณและอนุโมทนาสำหรับภาพสวยๆ ที่ทำให้เกิดกุศลปีติ จาก คุณนภา จันทรางศุ อีกครั้งหนึ่ง และ ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของ ดร.มล.ญาศินี จักรพันธุ์ และคุณฟองจันทร์ วอลช ผู้นำทริปในครั้งนี้ด้วยครับ

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอเชิญคลิกชมลิงค์ที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่ ...

กราบแทบเท้า ท่านอาจารย์ ณ วันนี้ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๒


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มกร
วันที่ 15 ม.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ปลากริม
วันที่ 15 ม.ค. 2562

กราบอนุโมทนาทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Chamaikorn_Pakavaleetorn
วันที่ 15 ม.ค. 2562

ขอบคุณ และขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Dusita
วันที่ 16 ม.ค. 2562

กราบ....แทบเท้า..ท่าน อาจารย์ สุจินต์

ด้วยความเคารพ ยิ่ง..ขอ อนุโมทนา ใน กุศลจิต ของท่าน..ที่ อธิบาย ธรรม

ขยายความ..คำสอน ของ พระพุทธองค์..ให้ พวกเรา ได้ ฟัง ได้ เข้าใจ เพิ่มขึ้นๆ ..ขอ อนุโมทนา ค่ะ ขอให้ ท่าน มี อายุ ยืน..ยิ่ง ยืน นาน ตราบ นาน เท่า นาน...& สุขภาพแข็งแรง นะคะ..

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
จิรัฎฐ์
วันที่ 16 ม.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
napachant
วันที่ 16 ม.ค. 2562

กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
mammam929
วันที่ 16 ม.ค. 2562

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chvj
วันที่ 18 ม.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Tathata
วันที่ 19 ม.ค. 2562

ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pulit
วันที่ 17 ก.พ. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
natthayapinthong339
วันที่ 19 ม.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ