ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๖๕

 
khampan.a
วันที่  19 ส.ค. 2561
หมายเลข  30008
อ่าน  1,539

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๖๕

~ ไม่ใช่ว่าบวชแล้ว จบเลย จะทำอะไรก็ได้ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย แต่พระภิกษุจะต้องประพฤติปฏิบัติตามพระวินัยตลอดเวลาที่เป็นพระภิกษุ

~ สิ่งใดที่ควรสำหรับพระภิกษุ และสิ่งใดที่ไม่ควร เพราะเพศต่างกัน พระภิกษุจะมาอยู่บ้าน ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือพิมพ์ เล่นเทนนิส ได้ไหม? ไม่ได้ นั่น ไม่ใช่นิสัย ไม่ใช่อุปนิสัย พระภิกษุก็ต้องเป็นผู้ที่สงบ ผู้ที่สละ

~ ผู้ที่เข้าใจพระธรรมวินัย มีความสงสาร มีความเป็นมิตรมีความต้องการที่จะให้ผู้ประพฤติผิด ละเลิกความประพฤติผิด จะเป็นประโยชน์กับตัวเขาด้วยและเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย

~ ทุกท่านที่เข้าใจพระธรรมก็จะเป็นกำลังหนึ่งที่จะทำให้มีคนที่ได้เข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้น ด้วยการสนทนาและเผยแพร่สิ่งที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ ไม่ใช่เฉพาะบุคคลเดียว แต่เป็นประโยชน์กับคนทั่วไปด้วย

~ เราจากโลกก่อนมา โดยไม่รู้เลยว่าเราจะมาเป็นอย่างนี้ในโลกนี้ ฉันใด ถึงเวลาที่จะจากโลกนี้ไป ก็ธรรมดา เพราะฉะนั้น ก็สะสมความดีสะสมปัญญาความเห็นถูก เพราะเหตุว่า ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม ความดีก็แสนยากที่จะมากขึ้นเจริญขึ้นได้

~ สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบให้เป็นมรดกที่ล้ำค่ากับชาวพุทธ คือ คำจริงทุกคำที่เป็นประโยชน์ ทั้งพระธรรมและพระวินัย เพราะฉะนั้น ทุกคนถ้าเห็นคุณอย่างนี้ บูชาคุณด้วยความเป็นผู้ตรง ศึกษาธรรมให้เข้าใจ ประกาศคำสอนที่ถูกต้องเพื่อให้คนอื่นได้มีโอกาสได้รู้ได้เข้าใจถูก ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในชาติต่อๆ ไป

~ ถึงเวลาหรือยังที่จะศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจให้ถูกต้อง เพื่อดำรงรักษาพระศาสนา เพราะชีวิตสั้นมาก สิ่งที่ประเสริฐที่สุด คือ ได้เข้าใจธรรมแล้วก็ได้ประพฤติปฏิบัติทุกอย่างที่จะเป็นการสืบต่อ ทะนุบำรุงพระศาสนาที่ถูกต้องให้ยั่งยืนต่อไป

~ เกิดมาแล้วต้องตายแน่ แต่ว่า ระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ คงไม่ลืม จะเอาอะไรไป ดีหรือชั่ว ไม่มีใครทำให้ได้เลย, ให้เข้าใจจริงๆ ว่า เกิดมา ชั่วคราว ทุกขณะ และแต่ละขณะ นั้น เป็นเหตุที่จะติดตามไปเมื่อเป็นกุศลและอกุศล แค่นี้ก็พิจารณาได้ แล้วจะสะสมกุศลหรืออกุศล? ถ้าจะสะสมกุศลก็ต้องมีความเข้าใจธรรมด้วย เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม ก็มีกุศลที่ไม่ทำให้ถึงการดับกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ก็ยังคงเกิดตาย เกิดตาย เกิดตาย ชาติแล้วชาติเล่า

~ สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร สิ่งใดเป็นคุณ สิ่งใดเป็นโทษ ปัญญาสามารถที่จะเข้าใจได้ และปัญญานำไปในกิจ คือ กุศล ทั้งปวงได้

~ ไม่มีอันตรายใดที่จะเสมอเท่ากับการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะปิดกั้นคนที่สมควรที่จะได้เข้าใจถูกถ้าไตร่ตรอง กลับทำให้เขาเข้าใจผิด

~ ขณะใดที่มีโอกาสที่จะได้ทำความดีแม้เล็กน้อย ก็ไม่ประมาท ทำความดีให้ถึงพร้อม เพราะเห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าละเอียดมาก เท่านี้ยังไม่พอ ต้องชำระจิตให้บริสุทธิ์จากกิเลสคือความไม่รู้ ซึ่งนำมาซึ่งกิเลสอื่นๆ ซึ่งจะดับได้ หมดได้ ก็เพราะความรู้ ความเข้าใจเพิ่มขึ้น

~ คนที่เคยเห็นผิด ถ้าอาศัยการฟังพระธรรม แล้วพิจารณา ย่อมเกิดความเห็นถูกได้ แต่ถ้าไม่ฟังและไม่พิจารณา ก็หมดหนทางที่จะเห็นถูกได้ ย่อมยึดถือความเห็นผิดว่า เป็นความเห็นถูกอยู่เรื่อยๆ แล้วเมื่อมีการสะสมความเห็นผิด จนกระทั่งเป็นปกติ เป็นอุปนิสัยที่มีกำลัง ย่อมจะทำให้ความเห็นผิดนั้นมีปัจจัยที่จะเกิดต่อไปอีก และอาจจะเห็นผิดมากขึ้นอีกด้วย

~ ถ้าเป็นคำที่ถูกต้องและจริง สมควรไหมที่จะให้คนอื่นได้รู้ ได้เข้าใจถูกต้อง เพราะฉะนั้น ก็สมควรอย่างยิ่ง ที่จะต้องเริ่มเห็นประโยชน์ เห็นคุณค่าของพระธรรมและไม่ทอดทิ้ง ไม่ละเลยที่จะปล่อยให้มีการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยไม่มีการร่วมมือกันทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด สิ่งที่ทำได้ ก็คือ เผยแพร่สิ่งที่ถูกต้อง ให้คนอื่นได้เข้าใจอย่างถูกต้องทุกคำ จากความหวังดีของผู้ที่หวังดีที่จะให้เป็นกุศล ไม่ว่าเขาจะทำผิดด้วยประการใดก็ตาม แต่ถ้าได้ฟังแล้วคิดไตร่ตรองและทำสิ่งที่ถูกต้อง นั่น ก็จะเป็นประโยชน์ทั้งกับตนเองและคนอื่นด้วย

~ ไม่มีอะไรที่ไม่ดีเลย ในเมื่อเป็นปัญญาต้องนำไปในทางที่ดี ไม่ได้ทำผิดอะไร

~ พิจารณาในเหตุผลแล้วทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยไม่หวั่นไหว เพราะเหตุว่าถ้าเป็นสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์แล้ว ก็ควรทำ

~ ถ้าพิจารณาโดยความเป็นธาตุ (ทรงไว้ซึ่งลักษณะความจริงนั้นๆ ) ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน ยกตัวอย่างเช่น การเห็นก็เป็นธาตุชนิดหนึ่ง การได้ยินก็เป็นธาตุชนิดหนึ่ง การได้กลิ่นก็เป็นธาตุชนิดหนึ่ง เอาความเป็นสัตว์ เป็นตัวตน เป็นบุคคลออก ก็จะเห็นตามความเป็นจริงว่า แต่ละขณะนี้ก็เป็นเพียงแต่ละธาตุ ซึ่งอาศัยเหตุปัจจัยต่างๆ กัน เกิดขึ้นปรากฏแล้วก็ดับไป

~ เรื่องของการฟังพระธรรม เป็นเรื่องยาก ถ้าบุคคลนั้นไม่เคยสะสมบุญมาก่อนในอดีต ย่อมไม่ได้ลาภ คือ ศรัทธาแม้ในการฟัง เพราะว่าย่อมมีเหตุการณ์หลายอย่างที่จะเป็นเครื่องขัดขวางการฟังธรรมที่จะให้ดำเนินไปด้วยดี ตามอัธยาศัยที่สะสมมา

~ การฟังอย่างยอดเยี่ยม คือ การฟังเรื่องของสภาพธรรมที่ปรากฏ แล้วพิจารณาจนเข้าใจ มิฉะนั้นแล้ว โสตวิญญาณ (จิตที่ได้ยินเสียง) ก็จะนำมาซึ่งโลภะและโทสะอยู่เสมอ ถ้าเป็นเสียงที่ดีก็พอใจ ถ้าเป็นเสียงสรรเสริญก็ฟูขึ้นด้วยความพอใจ ถ้าเป็นเสียงติเตียน ก็จมลงด้วยความโทมนัสขัดเคือง

~ ก็น่าคิดว่า การได้ยินแต่ละครั้ง การเห็นแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเห็นสิ่งที่ดีประณีตสักเท่าไร หรือว่าได้ยินเสียงที่น่าพอใจสักเท่าไร ขาดทุนหรือเปล่า ถ้าอกุศลจิตเกิดก็ขาดทุน ได้ทุนมาดี คือ ได้ฟังเสียงที่ดี ได้เห็นสิ่งที่น่าพอใจ แต่ว่ากลับขาดทุนเพราะเหตุว่าอกุศลจิตเกิด สะสมต่อไปอีก

~ จิตของแต่ละคนสะสมมาละเอียด ลึกซึ้งมาก วันนี้เป็นอย่างนี้ วันอื่นก็เป็นอย่างอื่นได้ โดยไม่ได้คาดหมาย หรือว่าโดยไม่อาจที่จะคาดคิดได้ว่า ทำไมจึงได้เป็นอย่างนั้นๆ ได้ เพราะเหตุว่าการสะสมของจิต มีทั้งความเห็นถูกและความเห็นผิด ที่เคยสะสมมาแล้วในอดีต เพราะฉะนั้น ก็แล้วแต่ว่าจะมีปัจจัยฝ่ายใด ที่จะทำให้ความเห็นถูกเจริญงอกงามขึ้น หรือว่าจะกลับทำให้ความเห็นผิดซึ่งเคยสะสมมานั้นเกิดพอกพูนขึ้น

~ ก็เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ถ้าผู้ใดมีโอกาสได้ฟังพระธรรม แต่ว่าฟังเผิน แล้วก็ไม่พิจารณาให้รอบคอบโดยละเอียดจริงๆ เพราะเหตุว่าพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเกิดจากการตรัสรู้ความจริง ซึ่งบุคคลอื่นไม่สามารถที่จะแสดงได้อย่างพระองค์

~ ถ้าคิดถึงเรื่องรูป เรื่องเสียง เรื่องกลิ่น เรื่องรส เรื่องสิ่งที่กระทบสัมผัสกาย เรื่องทรัพย์สมบัติ ลองพิจารณาดูว่า ความคิดนั้นต้องเป็นไปกับความเดือดร้อนมาก ไม่เหมือนกับความคิดที่เป็นไปกับความกรุณา การไม่เบียดเบียน การเกื้อกูล การอนุเคราะห์ผู้อื่น

~ เห็นถึงพระมหากรุณาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงอบรมพระบารมี (คุณความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ที่จะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า นอกจากจะทรงดับกิเลสด้วยพระองค์เอง ก็ยังถึงพร้อมด้วยพระญาณที่จะทำให้สัตว์โลกทั้งหลายได้ฟังพระธรรมตามอัธยาศัยจนสามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม

~ ความเข้าใจถูกต้องจะนำความดีอื่นๆ มาด้วย เพราะได้เข้าใจว่าอะไรถูก อะไรผิด

~ เห็นผิดกันมานานเท่าไหร่แล้วในสังสารวัฏฏ์ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงอนุเคราะห์ เพราะทรงเห็นประโยชน์อย่างยิ่งของความเข้าใจถูก เพราะฉะนั้น เราไม่มีทางที่จะท้อถอย เพราะเหตุว่า การที่จะทำให้คนอื่นได้มีความเข้าใจถูกต้อง เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ? (เป็นประโยชน์) แล้วทำไมไม่ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ สามารถที่จะทำประโยชน์ได้มากกว่าเกิดในกำเนิดอื่น

~ ประเทศไทยวิกฤตพระพุทธศาสนา วิกฤตเพราะไม่รู้ เอาความไม่รู้ไปแก้อย่างไรก็ไม่มีทางสำเร็จได้ หนทางเดียว คือ มีความเป็นมิตรที่หวังดีต่อทุกคน โดยไม่เลือกเลยว่าใครสะสมมาอย่างไร ถ้ามีโอกาสได้ฟังธรรม เขาเข้าใจถูก นั่น เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

~
เราจะเปลี่ยนคนอื่นได้ไหม ถ้าเขายังเห็นผิด แต่ความเห็นถูกต้องต่างหากที่ทำให้เขาเปลี่ยน เพราะฉะนั้น ไม่มีทางที่จะทำให้คนโน้นเห็นถูกต้องได้โดยที่ไม่ใช่ความเห็นถูกของเขาเอง แต่ว่าการที่แสดงความจริงและเหตุผลด้วยความหวังดีเขาจะไม่เห็นความหวังดีหรือ? แต่ถ้าเขาไม่เห็นความหวังดี เราก็ไม่เดือดร้อน เพราะเหตุว่า เราไม่ได้ทำเพื่อเหตุอื่น แต่เพื่อประโยชน์ของเขาเอง ถ้าเขาไม่รับ ไม่เห็นประโยชน์ ก็ไม่เป็นไร เพราะเหตุว่า ใครจะทำอะไรเขาได้ ในเมื่อทุกอย่างเป็นอนัตตา (ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น) แต่ทำ ดีกว่าไม่ทำ ใช่ไหม ที่จะให้คนอื่นมีความเข้าใจถูก ไม่ว่าจะยากเย็นแสนเข็ญสักปานใด พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกระทำเป็นตัวอย่างแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าใครได้มีความเข้าใจถูกต้อง ทุกคนก็ร่วมมือกันรักษาสิ่งที่ถูกต้อง ใครจะไปทำสิ่งที่ผิดได้ ถ้ามีความเข้าใจถูกต้องแล้ว? เพราะฉะนั้น หนทางเดียว ก็คือ ให้เขาได้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ทุกประการ เท่าที่จะกระทำได้

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๖๔



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
meenalovechoompoo
วันที่ 19 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
mammam929
วันที่ 19 ส.ค. 2561

กราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
j.jim
วันที่ 19 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
panasda
วันที่ 19 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kullawat
วันที่ 20 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 20 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 20 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
peem
วันที่ 20 ส.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ