ฟังให้เข้าใจอย่างไร

 
tanrat
วันที่  2 พ.ค. 2558
หมายเลข  26503
อ่าน  877

ตลอดเวลาที่ฟังการบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ และท่านวิทยากรทุกท่านมา ท่านจะกล่าวตลอดเวลาว่าต้องฟังให้เข้าใจพิจารณาทุกคำที่ได้ฟังมา จนเป็นความรู้ของตนเองอย่างนี้ใช่ไหมคะที่เรียกว่าความเข้าใจ เช่นฟังมาว่าท่านเศรษฐีที่ตระหนี่แล้วภายหลังท่านมาสละทรัพย์ทั้งหมดที่มีเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่นและท่านก็เป็นพระโสดาบัน หากขาดการพิจารณาก็จะไปทำตาม ที่จริงท่านสะสมความเข้าใจมานาน จนกว่าท่านจะมาถึงเหตุที่ต้องทำให้ท่านสละทรัพย์ทั้งหมดที่ท่านมี แล้วออกบวช แล้วท่านคือใคร แล้วเราคือใคร ทำได้จริงหรือ เอาแค่นี้ก่อน ลองไปมอบทรัพย์ทั้งหมดให้การกุศลอะไรซักอย่าง ให้เพราะไม่ไตร่ตรอง ก็มามีทุกข์ทีหลังเพราะยังไม่ประจักษ์แจ้งสภาพธรรมะที่มีจริงๆ ขณะนั้น จึงต้องค่อยๆ น้อมจิตระลึกในสภาพธรรมะทั้งปวง จนกว่าถึงกาละ กุศลจิตจะทำหน้าที่ของเขาเอง ขอความกรุณาท่านอาจารย์ให้ความกระจ่างในกรณีนี้ด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 2 พ.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ฟังพิจารณาเป็นปัญญาของตนเอง เพราะ เป็นการฟังที่แยบคาย ที่ถูกตรงตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง โดยไม่คิดเองนอกเหนือพระธรรม ฟังคำใด เข้าใจอย่างละเอียดในคำนั้น ไม่เผิน เมื่อเข้าใจถูกเช่นนี้ ก็จะเข้าใจไปตามลำดับ และ สนทนา สอบถาม เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เข้าใจถูกขึ้น ครับ ซึ่งทุกอย่างก็ไม่พ้น จากการฟัง ศึกษาพระธรรมที่จะเป็นอุปการะมากกับปัญญา ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tanrat
วันที่ 2 พ.ค. 2558
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ยิ่ง
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
peem
วันที่ 2 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 2 พ.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เครื่องเกื้อกูลที่ดีที่สุด คือ พระธรรม ครับ

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ๔๕ พรรษา โดยละเอียด โดยประการทั้งปวง นั้น เป็นเครื่องกันความเห็นผิด ถ้าผู้ศึกษาเป็นผู้ที่ละเอียด รอบคอบ พิจารณาไตร่ตรอง ก็จะพ้นจากความเห็นผิดได้ และประการที่สำคัญ พระธรรมทั้งหมด เป็นไปเพื่อละตั้งแต่ต้น กล่าวคือ ละความเห็นผิด ละความไม่รู้ รวมถึงกิเลส กุศลประการอื่นๆ ด้วย ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 2 พ.ค. 2558

ทุกอย่างมาจากเหตุปัจจัย ยิ่งมีปัญญาก็ยิ่งสละความติดข้อง สละวัตถุสิ่งของ สละกิเลส สละความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ฟังแล้วเข้าใจคือปัญญา และ ปัญญาก็มีหลายระดับ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 2 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ประสาน
วันที่ 3 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ms.pimpaka
วันที่ 3 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ธุลีพุทธบาท
วันที่ 5 พ.ค. 2558

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนา ครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
j.jim
วันที่ 5 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เมตตา
วันที่ 6 พ.ค. 2558

แต่ละหนึ่งที่เกิดขึ้นเห็น ได้ยิน ต่อจากนั้นเป็นกุศล อกุศล ตามการสะสมของแต่ละคน บางท่านเห็นสิ่งเดียวกันอีกคนหนึ่งพอใจ แต่อีกคนขุ่นเคืองใจ เป็นเพราะสะสมมาต่างๆ กัน ฟังธรรมให้เข้าใจความเป็นธรรมว่าแต่ละขณะที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย เป็นธรรม ไม่ใช่เรา

...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Jarunee.A
วันที่ 14 พ.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ