เพราะไม่รู้จึงคบพาลเผาผลาญตน

 
nattawan
วันที่  5 พ.ค. 2558
หมายเลข  26509
อ่าน  1,171

กรุณาอธิบายประโยคนี้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 พ.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เพราะไม่รู้จึงคบพาลเผาผลาญตน

เพราะ ไม่รู้ มีอวิชชา จึงไม่รู้จักความดี ความชั่ว ไม่รู้จักสภาพธรรมที่เป็นกุศล อกุศล ไม่รู้จักสภาพธรรมที่เป็นความเห็นถูกและความเห็นผิด เพราะฉะนั้น การเสพ คุ้น การคบที่ตนเองมากไปด้วยอวิชชา ความไม่รู้ ที่ไหลตามกิเลส ฝ่ายต่ำเป็นประจำ ก็ย่อมคบตามอำนาจของกิเลส ความไม่รู้ คือ คบคนที่ไม่รู้ คบคนที่เห็นผิด สำคัญว่าเป็นคนที่เห็นถูก ขณะนั้น เมื่อคบคนที่เห็นผิด ผู้ที่เห็นผิดก็ย่อมแนะนำสิ่งที่ผิด ทำให้เกิดความรู้ผิด กับคนที่คบ เมื่อมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น จากการคบคนพาล ขณะนั้น ก็เผาผลาญตน คือ เผาผลาญคุณความดี ไม่ให้เกิดขึ้น เพิ่มพูนความชั่ว ความเข้าใจผิด เมื่อเข้าใจผิด ก็คิดผิด กายก็ผิด วาจาก็ผิด เป็นต้น ขณะนั้นก็เผาผลาญตนด้วยเกิด สภาพธรรมที่เผาผลาญ คือ อกุศลธรรม และ เผาผลาญให้เกิดในอบายภูมิในอนาคต และ เผาผลาญคุณความดี เผาผลาญไม่ให้เกิดปัญญา และ ไม่สามารถออกจากวัฏฏะได้ เพราะ อาศัยความไม่รู้ อวิชชาของตน ทำให้คบคนพาล และ เผาผลาญตนเอง ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paew_int
วันที่ 5 พ.ค. 2558

... .. อนุโมทนาค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
abhirak
วันที่ 5 พ.ค. 2558

การได้คบกับสัตตบุรุษ ได้ฟังธรรมะที่ถูกต้อง ก่อให้เกิดความเห็นถูก เห็นตรง และเข้าใจต่อสภาพธรรมะที่ปรากฏมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับๆ จะทำให้ความหลงผิด ความไม่เข้าใจ ลดน้อยลงเป็นลำดับๆ เช่นกัน

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 5 พ.ค. 2558

ขอบคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
isme404
วันที่ 5 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 5 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 5 พ.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความไม่รู้เป็นมูลรากของอกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะมีความไม่รู้ แทนที่จะได้คบหาสัตบุรุษบัณฑิตผู้มีปัญญา คบหากับพระธรรม มีโอกาสได้ฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ขัดเกลากิเลสของตนเอง แต่ก็ทำให้ไปคบกับพาล คบกับอกุศลธรรม ทำให้ได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้ นั่นก็คือ ได้พอกพูนกิเลสมากขึ้น และเมื่อกิเลสเกิดขึ้นก็ทำร้ายตนเอง ทำร้ายในขณะที่เกิดขึ้น เมื่อถึงคราวที่ความไม่ดีให้ผลก็ให้ผลที่ไม่น่าปรารถนากับตนเองโดยส่วนเดียว เพราะฉะนั้นแล้ว หนทางที่ค่อยๆ ขัดเกลาความไม่รู้ ก็คือหนทางแห่งการอบรมเจริญ เพราะเหตุว่า เกิดมาด้วยความไม่รู้ มีชีวิตอยู่ไปก็ด้วยความไม่รู้ แสดงถึงความสะสมอวิชชามาอย่างยาวนานในสังสารวัฏฏ์ ที่จะค่อยๆ รู้ขึ้น ก็ต้องอาศัยพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
mild
วันที่ 5 พ.ค. 2558
พระผู้มีพระภาค ทรงตรัสว่า กรรมชั่วไม่ทำเสียเลยดีกว่าเพราะกรรมชั่วทำแล้วไม่ตาม เผาผลาญให้เดือดร้อนไม่มี กรรมชั่วคือ อกุศลทุกประเภท เป็นพาล ไม่คบพาลคือไม่ทำอกุศลทั้งปวง และยังทรงตรัสต่อว่า กรรมที่ทำแล้วไม่เผาผลาญให้เดือดร้อนชื่อว่ากรรมดีอันบุคคลควรทำ การกระทำกรรมดีทุกประเภทเป็นการคบบัณฑิต ธรรมมะละเอียด ลึกซึ้งยิ่งและเตือนว่าขณะนี้ตอนนี้คบอะไรคบใคร ทรงแสดงธรรมเพื่อผู้ฟังจะได้ไม่ประมาทในแม้อกุศลเพียงเล็กน้อยก็ไม่สมควรที่จะคบ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เมตตา
วันที่ 5 พ.ค. 2558

เพราะรู้คุณ ของพระธรรม จึงร่ำเรียน

เพราะรู้ธรรม จึงพร่ำเพียร เพิ่มกุศล

ห็นคุณค่าของพระธรรม จากอดีตสังสารวัฏฏ์อันแสนมึด มึดด้วยความไม่รู้ จึงฟังพระธรรมด้วยความเคารพ ค่อยๆ ฟังให้เข้าใจ เพราะปัญญาโตช้า ค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อย ฟังเพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ เพราะมีเพียงปัญญาเท่านั้นที่จะทำให้กุศลต่างๆ ค่อยๆ เจริญขึ้นแทนอกุศล และดับอกุศลได้หมดสิ้นในที่สุด

...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
nattawan
วันที่ 6 พ.ค. 2558

ขอบคุณ และอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
danai2523
วันที่ 6 พ.ค. 2558

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
นิตยา
วันที่ 6 พ.ค. 2558

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
wannee.s
วันที่ 8 พ.ค. 2558

การคบคนสำคัญที่สุด พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้เป็นมงคลข้อแรก คือการไม่คบคนพาล เพราะคนพาลแนะนำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ชวนให้ล่วงศีลทำอกุศลกรรมบถ เป็นเหตุให้คนอื่นและตนเองเดือดร้อน ถ้าอกุศลกรรมให้ผลก็ไปเกิดในทุคติภูมิ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Jarunee.A
วันที่ 14 พ.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ