ฟังให้เข้าใจอย่างไร
โดย tanrat  2 พ.ค. 2558
หัวข้อหมายเลข 26503

ตลอดเวลาที่ฟังการบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ และท่านวิทยากรทุกท่านมา ท่านจะกล่าวตลอดเวลาว่าต้องฟังให้เข้าใจพิจารณาทุกคำที่ได้ฟังมา จนเป็นความรู้ของตนเองอย่างนี้ใช่ไหมคะที่เรียกว่าความเข้าใจ เช่นฟังมาว่าท่านเศรษฐีที่ตระหนี่แล้วภายหลังท่านมาสละทรัพย์ทั้งหมดที่มีเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่นและท่านก็เป็นพระโสดาบัน หากขาดการพิจารณาก็จะไปทำตาม ที่จริงท่านสะสมความเข้าใจมานาน จนกว่าท่านจะมาถึงเหตุที่ต้องทำให้ท่านสละทรัพย์ทั้งหมดที่ท่านมี แล้วออกบวช แล้วท่านคือใคร แล้วเราคือใคร ทำได้จริงหรือ เอาแค่นี้ก่อน ลองไปมอบทรัพย์ทั้งหมดให้การกุศลอะไรซักอย่าง ให้เพราะไม่ไตร่ตรอง ก็มามีทุกข์ทีหลังเพราะยังไม่ประจักษ์แจ้งสภาพธรรมะที่มีจริงๆ ขณะนั้น จึงต้องค่อยๆ น้อมจิตระลึกในสภาพธรรมะทั้งปวง จนกว่าถึงกาละ กุศลจิตจะทำหน้าที่ของเขาเอง ขอความกรุณาท่านอาจารย์ให้ความกระจ่างในกรณีนี้ด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 2 พ.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ฟังพิจารณาเป็นปัญญาของตนเอง เพราะ เป็นการฟังที่แยบคาย ที่ถูกตรงตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง โดยไม่คิดเองนอกเหนือพระธรรม ฟังคำใด เข้าใจอย่างละเอียดในคำนั้น ไม่เผิน เมื่อเข้าใจถูกเช่นนี้ ก็จะเข้าใจไปตามลำดับ และ สนทนา สอบถาม เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เข้าใจถูกขึ้น ครับ ซึ่งทุกอย่างก็ไม่พ้น จากการฟัง ศึกษาพระธรรมที่จะเป็นอุปการะมากกับปัญญา ครับ ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย tanrat  วันที่ 2 พ.ค. 2558
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ยิ่ง

ความคิดเห็น 3    โดย peem  วันที่ 2 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย khampan.a  วันที่ 2 พ.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เครื่องเกื้อกูลที่ดีที่สุด คือ พระธรรม ครับ

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ๔๕ พรรษา โดยละเอียด โดยประการทั้งปวง นั้น เป็นเครื่องกันความเห็นผิด ถ้าผู้ศึกษาเป็นผู้ที่ละเอียด รอบคอบ พิจารณาไตร่ตรอง ก็จะพ้นจากความเห็นผิดได้ และประการที่สำคัญ พระธรรมทั้งหมด เป็นไปเพื่อละตั้งแต่ต้น กล่าวคือ ละความเห็นผิด ละความไม่รู้ รวมถึงกิเลส กุศลประการอื่นๆ ด้วย ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 5    โดย wannee.s  วันที่ 2 พ.ค. 2558

ทุกอย่างมาจากเหตุปัจจัย ยิ่งมีปัญญาก็ยิ่งสละความติดข้อง สละวัตถุสิ่งของ สละกิเลส สละความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ฟังแล้วเข้าใจคือปัญญา และ ปัญญาก็มีหลายระดับ ค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย ธนฤทธิ์  วันที่ 2 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย ประสาน  วันที่ 3 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย ms.pimpaka  วันที่ 3 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย ธุลีพุทธบาท  วันที่ 5 พ.ค. 2558

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนา ครับ.


ความคิดเห็น 10    โดย j.jim  วันที่ 5 พ.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย เมตตา  วันที่ 6 พ.ค. 2558

แต่ละหนึ่งที่เกิดขึ้นเห็น ได้ยิน ต่อจากนั้นเป็นกุศล อกุศล ตามการสะสมของแต่ละคน บางท่านเห็นสิ่งเดียวกันอีกคนหนึ่งพอใจ แต่อีกคนขุ่นเคืองใจ เป็นเพราะสะสมมาต่างๆ กัน ฟังธรรมให้เข้าใจความเป็นธรรมว่าแต่ละขณะที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย เป็นธรรม ไม่ใช่เรา

...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ...


ความคิดเห็น 12    โดย Jarunee.A  วันที่ 14 พ.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ