แผ่เมตตาแล้วขนลุก

 
Manee
วันที่  3 ม.ค. 2550
หมายเลข  2587
อ่าน  16,158

โดยปกติถ้าได้ไปตามสถานที่ต่างๆ จะแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลเสมอ ก็ไม่มีอะไรจนกระทั่งได้มีโอกาศเข้าไปทำธุระใน ร.พ คริสต์ ก็เลยลองแผ่ดูเหมือนเดิม เกิดอาการขนลุกตลอดทั้งตัวและทุกครั้งที่มีโอกาสได้ไปที่นั่นอีก ก็จะแผ่เรื่อยๆ และพบว่าเป็นทุกครั้ง เราก็ไม่แน่ใจว่าอุปาทานหรือป่าว ใครช่วยตอบทีค่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 4 ม.ค. 2550

อาการขนลุกตลอดทั้งตัวเป็นของธรรมดา เมื่อมีปัจจัยย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ควรใส่ใจอาการดังกล่าว เพราะไม่มีประโยชน์อะไร ควรทำความเข้าใจว่าเมตตาคืออะไร การเจริญเมตตาที่ถูกต้องเป็นอย่างไร เมตตาจะแผ่ได้เมื่อไหร่ การท่องคำแผ่เมตตาไม่ใช่การแผ่เมตตา สิ่งที่สำคัญที่ควรศึกษาควรรู้คือพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อการรู้ความจริง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
shumporn.t
วันที่ 4 ม.ค. 2550

เมตตาเป็นสภาพธรรมที่มีจริง มีความเป็นเพื่อน ความมีไมตรี ความหวังดีที่จะให้เขามีความสุขการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้อื่น การกระทำด้วยเมตตาเสมือนการกระทำของมารดาที่มีต่อบุตร ส่วนโสมนัสเวทนา เป็นอาการดีใจ ปลื้ม เป็นตัวเราที่มีโอกาลได้ทำแล้ว เกิดกับอกุศลจิตคือโลภะได้ สภาพธรรมละเอียดคล้ายกัน ถ้าไม่เป็นผู้มีปกติเจริญสติ คุ้นเคยกับลักษณะอาการต่างกันของสภาพธรรม อาจเข้าใจผิดได้ง่ายมากอาจหลงเข้าใจว่าอกุศลเป็นกุศลได้ง่าย พระธรรมเป็นคำสอนของผู้มีปัญญามากควรศึกษาด้วยความไม่ประมาท

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
อิสระ
วันที่ 4 ม.ค. 2550

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 4 ม.ค. 2550

อานิสงส์ของการเจริญเมตตา หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ฝันเห็นแต่สิ่งที่ดี เป็นที่รักของมนุษย์ เป็นที่รักของอมนุษย์ เทวดารักษา ไฟ อาวุธไม่สามารถทำร้ายได้ สีหน้าผ่องใส จิตเป็นสมาธิได้เร็ว ไม่หลงทำกาละ ตายไปเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Manee
วันที่ 4 ม.ค. 2550

ขอบพระคุณค่ะสำหรับทุกคำตอบ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Manee
วันที่ 4 ม.ค. 2550

แต่ไม่มีคำตอบไหนตอบตรงกับคำถามเลยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 4 ม.ค. 2550

คำถามที่ถามคือ ทำไมแผ่ที่อื่นไม่เป็น แต่ทำไมแผ่ที่ที่คุณกล่าวเป็นทุกครั้งคือขนลุก จากคำตอบที่ผู้รู้ได้กล่าวมาทั้งหมด เพราะต้องการให้คุณเข้าใจ เรื่องความเมตตาที่ถูกต้องครับพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องของปัญญา ขณะที่สงสัย ขณะนั้นไม่ใช่ปัญญาจึงต้องเริ่มจากความเข้าใจเบื้องต้นเสียก่อน แต่ผมจะยกตัวอย่างในเรื่องของคุณครับ

คำถามที่ถาม คือ ทำไมแผ่ที่อื่นไม่เป็นแต่ทำไมแผ่ที่ที่คุณกล่าวเป็นทุกครั้ง คือ ขนลุก ผมยกตัวอย่างนะ ในแต่ละวันคุณตื่นตรงเวลาไหมโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก แต่บางคนไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกก็ตื่นตรงเวลาที่เคยตื่น เพราะเหตุใด เพราะสัญญาความจำ จำหมายในเวลานั้นจนเคยชิน พอถึงเวลานั้นทีไรก็ตื่นทุกที ฉันใดในกรณีของคุณ สัญญาก็จำหมายในสถานที่นั้นว่าเมื่อกระทำอย่างนี้ ขนจะลุกในสถานที่นั้น เมื่อไปสถานที่นั้นอีก ที่เคยขนลึก พอทำอย่างเก่า สัญญาความจำหมายในอดีตก็เกิดขึ้นอีกเพราะความที่เคยชิน เคยเกิดขึ้นมาในอดีตนั่นเองซึ่งเป็นเรื่องของจิต ที่เคยสะสมมาอย่างนั้น แต่ที่สำคัญ เมื่อขนลุกแล้ว ทำให้เราคลายทุกข์ดับทุกข์อะไรได้ไหม หรือก็มีแต่ความสงสัย ปัญญาไม่เจริญขึ้นเลย ดังนั้น จุดประสงค์ที่สำคัญในชีวิต คือ ดับกิเลส เพราะเป็นเหตุแห่งทุกข์ แต่ขนลุกทำให้กิเลสน้อยลงหรือไม่ น่าคิดครับ ธัมมะต้องศึกษา ถ้าไม่ศึกษาก็จะไม่เข้าใจ ลองฟังทาง WEB นี้ก็ได้ มีไฟล์ฟังธัมมะเยอะ ครับ

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
kchat
วันที่ 4 ม.ค. 2550

ลองรับฟังดูนะครับ

เมตตา คือ อโทสะ หรือ ความไม่โกรธ

ความเป็นมิตร เป็นเพื่อน คือเมตตา

การแผ่เมตตา หมายถึง ผู้อบรมเจริญเมตตา จนเมตตามีกำลังมากๆ มีความสงบของจิต ในระดับอุปจารและอัปปณาฌาน จึงแผ่ความปรารถนาดีไปยังสัตว์ทุกหมู่เหล่าทุกทิศไม่มีขอบเขต สำหรับความมีเมตตามีความหมายหลายระดับ ตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงสูงสุด ฉะนั้นก่อนที่จะแผ่เมตตาต้องอบรมให้มีเมตตาก่อน คือ ในชีวิตประจำวันมีความเป็นมิตร มีความปรารถนาดีและความหวังดีกับทุกๆ คน และสรรพสัตว์ที่พบเห็น

ดังนั้นแต่ละท่านต้องทราบเองว่า ท่านเจริญความสงบของจิตจนถึงอุปจารและอัปปณาฌานแล้วหรือยัง ถ้ายังก็ไม่มีกำลังที่จะแผ่เมตตาไปให้สัตว์อื่น หรือบุคคลอื่นได้ แต่ทุกท่านสามารถเจริญเมตตาหรือมีเมตตาได้ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
medulla
วันที่ 4 ม.ค. 2550

ก็เวลาเกิดเมตตาจิต ก็คงมีสารเคมีในร่างกายหลั่งออกมา เช่น สารเอนโดรฟิน ก็ย่อมขนลุกเป็นธรรมดาน่ะค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
supakorn
วันที่ 5 ม.ค. 2550
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
medulla
วันที่ 5 ม.ค. 2550

เวลาจิตเกิดโทสะ ก็ขนลุกได้เช่นกัน เช่น กลัวผี เป็นโทสะอย่างหนึ่ง (ตามหลักอภิธรรมโทสะ คือ หมายถึง ความไม่พอใจในอารมณ์ทั้งปวง ความขัดข้อง) เวลากลัวๆ นี่ ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีนจากต่อมหมวกไต บางคนบอกว่าตัวเองไม่กลัว เป็นไปไม่ได้แน่นอน ถ้ายังขนลุกอยู่

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
medulla
วันที่ 5 ม.ค. 2550

และบางคนก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกลัว เพราะจิตเกิดดับเร็วมาก

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
shumporn.t
วันที่ 5 ม.ค. 2550

ถ้าเป็นผู้มีปกติเจริญสติ จะไม่สงสัยหรือแปลกใจในอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะมีความเข้าใจในสภาพธรรมในขั้นการศึกษาว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่มีอะไรไม่ใช่สภาพธรรมเลยในชีวิตประจำวัน อาการขนลุกมีกล่าวไว้ในเรื่องของเจตสิก คือ ปิติเจตสิก เป็นสภาพธรรมที่ปลาบปลื้มอิ่มเอิบใจนั้น มี ๕ ประการ คือ

ขุททกาปิติ ปลาบปลื้มเพียงเล็กน้อย พอรู้สึกขนลุก

ขณิกาปิติ ปลามปลื้มชั่วขณะเหมือนสายฟ้าแลบ เกิดขึ้นและก็หายไป แต่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ

โอกฺ กนุติกาปิติ ปลามปลื้มเป็นพักๆ และมีการไหวเอนโยกโคลงเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง

อุพฺเพงฺคาปิติ ปลามปลื้มจนตัวลอย

ผรณาปิติ ปลาบปลื้มชนิดอิ่มเอม ซาบซ่านไปทั่วรายกาย เกิดในอัปปนาจิต และตั้งอยู่ได้นาน ดังเช่น รูปพรหมทั้งหลาย ไม่ต้องกินอาหาร อยู่ได้ด้วยผรณาปิติ

อนึ่ง อาการขนลุก อาจเกิดจากการประสบอารมณ์ที่น่ากลัว เช่น กลัวผีก็รู้สึกขนลุกเหมือนกัน แต่เป็นไปด้วยอำนาจของโทสะส่วนปิติเกิดร่วมกับโสมนัสเวทนาเป็นโลภะก็ได้เป็นกุศลก็ได้ สนใจแต่เรื่องขนลุกไม่สนใจการอบรมเจริญเมตตาบ้างหรือ ในเวบนี้มีการกล่าวถึงการเจริญเมตตา โดยไม่ต้องท่องและมีหนังสือเรื่องเมตตาโดยเฉพาะกล่าวถึงการเจริญเมตตาโดยไม่ต้องท่อง

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
Manee
วันที่ 5 ม.ค. 2550

ขอบพระคุณทุกๆ ท่านเหมือนเดิมค่ะ ที่กรุณาเสียสละเวลามาให้ความกระจ่าง

อนุโมทนาด้วยเช่นกัน

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
namarupa
วันที่ 5 ม.ค. 2550

ขออนุโมทนาของความคิดเห็นที่ 2 และ 13 ค่ะ

ขณะนี้สภาพธรรมนั้นๆ ก็เกิดดับๆ ไปตั้งไม่รู้เท่าไรแล้ว แล้วตัวคุณเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นอุปาทานหรือป่าว ในเมื่อคุณเองก็ไม่แน่ใจ แล้วคุณตั้งคำถามมาเพื่อให้คนอื่นตอบ?คงไม่มีใครที่สามารถที่จะให้คำตอบอย่างที่คุณพอใจแน่ๆ เลยค่ะ อีกอย่างหนึ่ง อาการขนลุก ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องมาตื่นเต้นหรือเป็นอะไร ที่พิเศษ ขอโทษนะคะ หากคำพูดของดิฉันอาจจะไม่ถูกใจคุณไปบ้าง แต่ว่า ขณะนี้กำลังมีสภาพธรรมที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่ตลอดเวลา แต่เราก็ยังไม่รู้และไม่เข้าใจ ไม่ศึกษ ถามว่าอย่างไหนจะมีประโยชน์มากกว่ากันระหว่างสภาพธรรมที่กำลังเกิดขึ้นปรากฏอยู่ในขณะนี้หรือสภาพธรรมที่ดับไปแล้วคะ

ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
chatchai.k
วันที่ 27 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ