ชีวิตที่มีความเห็นถูก จะคิดทำแต่สิ่งที่ดีงาม

 
chatchai.k
วันที่  30 ก.ค. 2557
หมายเลข  25189
อ่าน  1,508

เห็นถูกอย่างไร จึงจะทำแต่สิ่งที่ดีงามครับ ถ้าเป็นไปได้ ปัญหาสังคม และความขัดแย้งคงไม่เกิดขึ้น ใช่ไหมครับ

ปัญหาเรื่องทุจริต หรือ คอรับชั่นตามที่เรียนถามในกระทู้ก่อนหน้านี้คงไม่เกิดขึ้นใช่ไหมครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 30 ก.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่นก็จะต้องเข้าใจคำว่าเห็นถูกก่อนครับว่า คืออะไร เห็นถูก คือ สภาพธรรมที่เป็นปัญญา ที่เห็นถูกตามสภาพธรรมตามความเป็นจริง ความเห็นถูก หรือ ปัญญา นั้น เป็นยอดของกุศลธรรม ความเห็นถูกจึงสามารถใช้คำว่า วิชชา ด้วยก็ได้ ซึ่งวิชชา ความเห็นถูก เป็นหัวหน้าของกุศลธรรมทั้งหลาย ความหมาย คือ เพราะอาศัย ปัญญาที่เกิดขึ้น ย่อมนำมาซึ่งกุศลธรรมประการต่างๆ คือ นำมาซึ่งคิดดี เมื่อคิดดี กาย วาจาก็ดี ตามจิตที่ดี ซึ่ง มีปัญญา ความเห็นถูก (วิชชา) เป็นปัจจัย วิชชา ความเห็นถูก จึงเป็นปัจจัยให้เกิดสิ่งดีงาม ทางกาย วาจา และใจ กุศลประการต่างๆ ก็เจริญตามปัญญาที่เพิ่มขึ้น ครับ

จากคำถามที่ว่า เห็นถูกอย่างไรจึงจะทำแต่สิ่งที่ดีงาม ก็ต้องเข้าใจคำว่าสิ่งที่ดีงามคือขณะที่เป็นกุศลจิต หรือ จิตที่ดีเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น จะทำแต่สิ่งที่ดีงาม คือ ไม่เกิด อกุศลจิต ที่เป็นสภาพไม่ดีงามเลย แต่ใครเล่า จะไม่เกิด การกระทำทางกาย วาจา ใจ ที่ไม่ดีงามเลย คิดไม่ดี ไม่เกิดเลย นอกเสียจากพระอรหันต์เท่านั้น เพราะฉะนั้น จึงกลับมาที่คำถามที่ว่าเห็นถูกอย่างไรจึงจะทำแต่สิ่งที่ดีงาม คือ เป็นความเห็นถูก คือ ปัญญา ระดับโลกุตตระ สูงสุดที่ดับกิเลสได้จนหมดสิ้น นั่นคือ เป็นความเห็นถูก ที่จะทำแต่สิ่งที่งดงาม ไม่ทำบาปอกุศล แม้คิดในใจเลย ครับ

ซึ่งการจะถึงการจะทำแต่สิ่งที่ดีงาม เพราะดับกิเลสจนหมดสิ้นก็ด้วยการค่อยๆ สะสมอบรมปัญญาไปทีละน้อยจากการฟังศึกษาพระธรรม ซึ่งปัญหาของสังคม ปัญหามีได้เพราะมีอกุศลธรรม ดังนั้น ถ้าไม่มีอกุศลธรรม ก็ไม่มีปัญหาสังคมต่างๆ ที่ไม่ดีแน่นอน แต่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะมีสัตว์โลกมากมายที่รวมกัน มากไปด้วยอกุศลธรรม ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีปัญหา อันเกิดจากอกุศลกรรม แต่ผู้มีปัญญา ก็เริ่มสำคัญที่ตนเอง ที่จะดำเนินชีวิตที่ประเสริฐ ด้วยปัญญาความเห็นถูก แม้สังคมจะเป็นอย่างไรก็เข้าใจสังคม ตามความป็นจริงว่าไม่พ้นจากธรรม ไม่มีใครทำไม่ดี ไม่มีใครทำบาป ไม่มีใครทำชั่ว เป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เป็นไป ที่เป็นอกุศล เท่านั้น ก็จะไม่โทษสัตว์บุคคล เพราะ ไม่มีสัตว์ บุคคลให้โทษ มีแต่ธรรม การเข้าใจความเป็นจริงเช่นนี้ ย่อมละปัญหาของตนเองก่อน คือ อกุศลที่มีในจิตใจ คือ ความไม่รู้ และความยึดถือว่า เป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล เมื่่อเข้าใจเช่นนี้ กุศลต่างๆ ก็เจริญ คิดถูกขึ้น เมื่อคิดถูก กาย วาจา ก็ถูกตามจิตที่คิดถูก อันมีปัญญาเป็นเหตุ ปัญหาสังคมก็น้อยลง เพราะ เริ่มจากตนเองที่มีความเข้าใจถูก เป็นสำคัญ อันมีเหตุมาจากการศึกษาพระธรรม

ขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 30 ก.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

-เป็นไปไม่ไดัที่ปัญญาจะเลือกทำชั่ว

ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงลักษณะของความเป็นจริงของธรรมไม่ได้ เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น แม้แต่ในเรื่องของความควร ความไม่ควร ย่อมไม่พ้นไปจากธรรม สิ่งที่ควร ย่อมเป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นกุศลธรรม ซึ่งไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เป็นธรรมที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่ไม่ควรนั้น เป็นอกุศล เป็นสิ่งที่ไม่ดี นี้คือ ความเป็นจริงของธรรม ทั้งกุศล และ อกุศล ไม่ว่าจะเกิดกับใครก็ตาม ย่อมไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น กุศล เป็น กุศล, อกุศล ย่อมเป็นอกุศล แต่เพราะไม่เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง จึงมีการถือผิดจากความเป็นจริง เห็นว่า อกุศลเป็นสิ่งที่ดี เป็นต้น ซึ่งเป็นความเห็นที่คลาดเคลื่อน ไม่ตรงตามความเป็นจริงของสภาพธรรม และที่สำคัญลืมไม่ได้เลย คือ สิ่งที่ดี หรือ ไม่ดี ก็เป็นสัจจธรรม เป็นความจริง ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถึงแม้ว่าคนอื่นจะบอกว่า กุศล เป็นสิ่งที่ไม่ดี หรือ อกุศล เป็นสิ่งที่ดี สภาพธรรมเหล่านั้นก็ไม่เป็นไปตามอย่างที่คนอื่นว่า เพราะความจริงเป็นความจริง ความเห็นถูกเป็นปัญญา เกิดขึ้นเมื่อใดก็ทำกิจเห็นถูก ตามความเป็นจริง

สภาพธรรมที่จะรู้ถึงความควร ความไม่ควรนั้น ต้องเป็นปัญญา (ความเข้าใจถูกเห็นถูก) เท่านั้น บุคคลผู้มีปัญญา ย่อมรู้ว่า อะไรควร อะไรไม่ควร แล้วน้อมประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องยิ่งๆ ขึ้น เห็นโทษเห็นภัยของอกุศล และเห็นคุณค่าของกุศลธรรม ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท ไม่ประมาทในการสะสมความดีประการต่างๆ จึงเป็นเสมือนมีเครื่องปกครอง หรือเครื่องนำทางชีวิตที่ดีกว่าสิ่งนี้ท่านควรทำ สิ่งนี้ท่านไม่ควรทำ สิ่งนี้ควรอบรมให้เจริญมากขึ้น เป็นต้น เพราะปัญญาที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นนั่นเอง แล้วปัญญาจะมาจากไหน ปัญญาไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่ต้องอาศัยเหตุ คือ การฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงจากกัลยาณมิตรผู้มีปัญญา โดยไม่ขาดการฟังไม่ขาดการพิจารณาไตร่ตรองพระธรรม เพราะการฟังพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ เท่านั้น จึงจะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นแห่งปัญญาในชีวิตประจำวันได้

ถ้ามีความเข้าใจธรรม น้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกที่ควร ปัญหาต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะปัญหาเป็นเรื่องของอกุศลธรรมทั้งหลาย ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 30 ก.ค. 2557

ความเห็นถูก เป็นปัญญา เป็นเหตุให้กุศลอื่นๆ เจริญขึ้น รวมทั้งสติปัฏฐานได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ประสาน
วันที่ 31 ก.ค. 2557

วันนี้

ทำความดี (ฟังพระธรรม) แล้วหรือยัง

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wirat.k
วันที่ 1 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ