ใครช่วย และ ช่วยใคร?
ครูอุบลช่วยด้วย ใครช่วย และ ช่วยใคร?
จากที่เป็นข่าวที่มีครูอุบลสามารถช่วยให้ได้รับสิ่งที่ดี หายจากโรค เพียงมองที่ภาพครูอุบลแล้วพูดว่า ครูอุบลช่วยด้วย สิ่งต่างๆ มีโรคร้ายก็จะค่อยๆ ทุเลา จนหาย และได้รับสิ่งที่ดีๆ ก็เป็นเรื่องที่น่าพิจารณา ในประเด็นนี้ ตามสัจจะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ
แท้ที่จริง มีใครช่วยใคร เพราะ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน สัตว์จำแนกให้ได้รับสิ่งดีๆ ไม่ดี ยากดี มีจน ก็เพราะกุศลกรรม อกุศลกรรมปรุงแต่ง
ครูอุบลเป็นใคร ครูอุบล คือ บุคคลที่สมมติขึ้นมา ที่เป็นเพียงขันธ์ 5 ของอีกคนหนึ่ง ครูอุบลช่วยครูอุบลเองให้สภาพธรรมเป็นไปตามใจชอบได้ไหม เห็นขณะนี้เกิดแล้ว ครูอุบลสามารถให้เห็นไม่เกิดได้ไหม แล้วครูอุบลบังคับให้ครูอุบลเองได้ยินเสียงที่ดี ไม่ถูกฟ้องร้องได้ไหม ถ้าครูอุบลช่วยได้จริง ก็ต้องช่วยให้คนอื่นไม่ฟ้องร้อง ไม่ให้เสียชื่อเสียง แต่ความจริง แม้ตนเองก็ไม่สามารถจะแก้กรรม ช่วยตนเองได้เลย จะกล่าวไปใยถึงคนอื่น ดังนั้น แม้ครูอุบลเอง ก็ไม่พ้นจากกรรรม ไม่สามารถหลีกหนีกรรมที่เป็นอกุศลกรรมให้ได้ยินเสียงไม่ดี เห็นสิ่งที่ไม่ดีไม่ได้เลย แม้แต่พระพุทธเจ้า ก็ไม่สามารถจะหลีกหนีกรรม หลีกหนีผลของอกุศลกรรมซึ่งเป็นสิ่งไม่ดีไม่ได้เช่นกันและแม้พระพุทธเจ้าก็ไม่สามารถช่วยให้สัตว์โลกเห็นถูกหมด และไม่สามารถช่วยให้ใครพ้นจากอำนาจของกรรมได้หมด เพราะกรรมเท่านั้นเป็นใหญ่
เหตุย่อมสมควรกับผล การจะได้รับสิ่งที่ดี มีการได้ลาภ สักการะ หายจากโรค เพราะกุศลกรรมให้ผล ไม่ใช่เพราะใครบันดาลให้
แต่สัตว์โลกก็เป็นไปตามการสะสม ตามที่ได้สะสมความเห็นถูกมาหรือไม่ แต่ผู้ที่บุญกรรมให้ผล ก็ย่อมได้รับโอกาสศึกษา ได้ฟังในสิ่งที่ถูกต้อง ย่อมกลับมาคล้อยตามความเห็นถูกได้ เพราะได้พบเหตุผล และพระธรรมที่ถูกต้องนั่นเองครับ
ครูอุบลช่วยด้วย เมื่อตนเองก็ช่วยตนเองไม่ได้ กุศลกรรมเท่านั้นที่จะช่วยครูอุบล และช่วยผู้อื่น แต่จะช่วยอย่างไรนั้น ก็เป็นไปตาม กุศลกรรม และอกุศลกรรม ที่ตนเองได้กระทำไว้แล้ว ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คือ ปัญญาของตนเองเท่านั้นเป็นที่พึ่ง โดยอาศัยพระรัตนตรัย และ กุศลกรรมของตนเองเท่านั้นที่จะพึ่ง จะช่วยได้ แม้พระรัตนตรัยก็ช่วยไม่ได้ หากผู้นั้นไม่มีความเข้าใจพระธรรม การศึกษาพระธรรม ย่อมทำให้เกิดปัญญา ความเห็นถูก ย่อมจะช่วยบุคคลนั้นให้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องตามพระธรรมและได้รับสิ่งที่ดี เพราะฉะนั้นแทนที่จะพึ่งคนอื่น มีครูอุบล ก็พึ่งปัญญาของตนเอง โดยอาศัยพระรัตนตรัย ซึ่งจะเกิดได้จากการศึกษาพระธรรม เพราะเมื่อปัญญาเกิดขึ้น แม้ไม่ขอให้ช่วยด้วยแต่ปัญญาย่อมช่วยกระทำกิจให้ชีวิตดำเนินไปในทางที่ประเสริฐ เป็นชีวิตที่ประเสริฐ
แม้พระพุทธเจ้าก็ไม่สามารถช่วยให้สัตว์โลกเห็นถูกหมด และ ไม่สามารถช่วยให้ ใครพ้นจากอำนาจของกรรมได้หมด เพราะ กรรมเท่านั้นเป็นใหญ่
อนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเห็นผิดแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็ว ผู้ที่ประกอบด้วยความเห็นผิด แล้วชักนำให้คนอื่นหลงผิดตามไปด้วยนั้น เป็นบุคคลที่เป็นอันตรายมาก เป็นผู้ทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมีเพียงคนเดียว ก็มีแต่จะเป็นโทษแก่ชนหมู่มากโดยส่วนเดียว เป็นการชักนำให้คนออกห่างจากพระสัทธรรม
เครื่องป้องกันความเห็นผิด ก็คือความเข้าใจถูกเห็นถูกในธรรม ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งจะต้องเริ่มต้นที่ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่พึ่งสิ่งอื่น
ที่น่าพิจารณาเพิ่มเติม คือ แต่ละคนเป็นแต่ละหนึ่ง ซึ่งก็ไม่พ้นจากความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรม มีการสะสมมาที่แตกต่างกัน และมีการได้รับผลของกรรมในลักษณะต่างๆ ที่แตกต่างกันตามควรแก่เหตุ คือ กรรมที่แต่ละคนได้กระทำแล้วโดยไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่าเป็นผลของกรรมชนิดไหน ในชาติไหน โดยที่ใครๆ ก็ไม่สามารถดลบันดาลหรือบังคับบัญชาให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นได้เลย ทั้งกับตนเอง และ กับผู้อื่น เพราะธรรมเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย
ถ้ามีความเข้าใจในเหตุในผล ก็จะไม่หลงไปในทางที่ผิด และความเข้าใจที่ถูกต้องนี้เอง จะเป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง เป็นประโยชน์เกื้อกูลทั้งแก่ตนเองและยังสามารถเกื้อกูลให้ผู้อื่นได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ด้วย
เพราะฉะนั้นแล้ว จึงควรอย่างยิ่ง ที่จะได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เพราะเป็นทางเดียว ที่จะทำให้กิเลสทั้งหลาย มีความเห็นผิด และความไม่รู้ เป็นต้น ลดน้อยลงได้ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
อ่านบทความนี้แล้ว รู้สึกสำนึกในพระคุณของท่านผู้นำพระธรรมที่ศึกษาดีแล้วมาเผยแพร่ ให้ได้ฟังกันทุกวันจริงๆ นับวันธรรมะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบก็เสื่อมลงไปเรื่อย ผมจะไม่ยอมพลาดโอกาสที่มาพบกับการฟังพระธรรมที่ผ่านการศึกษาโดยเหตุ ผล และความลึกซึ้ง อย่างเด็ดขาด
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ




