....เทวบุตรมาร...

 
ดวงทิพย์
วันที่  30 พ.ค. 2557
หมายเลข  24918
อ่าน  4,691

ขอคำอธิบายเพิ่มเติมคะ...จาก ปรมัตถทีปนี อรรถกถาขุททกนิกาย อุทาน เล่มที่ 1 ภาคที่ 3 อรรถกถาทุติยกามสูตร หน้า 674 (เล่มที่44) มีข้อความว่า จริงอยู่ บุคคลที่ถูกกิเลสมารผูกพันไว้ ด้วยอารมณ์ใด ก็เป็นอันชื่อว่า ถูกเทวบุตรมารผูกพันไว้ด้วยอารมณ์นั้น ไม่เข้าใจคะ...ตรงที่กล่าวว่า...ก็เป็นอันชื่อว่า ถูกเทวบุตรมารผูกพันไว้ๆ อย่างไรคะ ขอบคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 30 พ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมละเอียดลึกซึ้งมาก แม้แต่คำว่ามาร ที่เป็นเทวบุตรมารก็มีหลากหลายนัย โดยทั่วไปเรามักเข้าใจว่าหมายถึงเทวดาไม่ดีที่เป็นพญามาร แต่อีกนัยหนึ่ง เทวปุตตมาร ในอรรถกถาที่ผู้ถามถามมามีอีกนัยที่ว่า เทวปุตตมาร คือ ผูกสัตว์ไว้ให้ถึงความพินาศ ดังเช่น กิเลสมาร เพราะฉะนั้น กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทำความพินาศกับจิต และถูกเทวปุตตมารครอบงำไว้ ไม่ให้พ้นไป เพราะยังความพินาศเกิดขึ้นเช่นเดียวกับเทวปุตตมาร ครับ ดังเช่นมารกล่าวว่า

ดูก่อนสมณะ เราจักผูกท่านไว้ ด้วยบ่วงคือใจ อันเป็นที่ท่องเที่ยวไปในกลางหาว ท่านยังไม่พ้นจาก บ่วงของเรา.

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี่ครับ

กิเลสมาร ขันธมาร อภิสังขารมาร มัจจุมารและเทวบุตรมาร...คืออะไร

มาร ๕ [ข้าศึกทั้งปวง...ตอนที่ ๑]

มาร ๕ [กิเลสมาร...ตอนที่ ๒]

มาร ๕ [ขันธมาร...ตอนที่ ๓]

มาร ๕ [อภิสังขารมาร...ตอนที่ ๔]

มาร ๕ [มัจจุมาร...ตอนที่ ๕]

[เทวบุตรมาร...ตอนที่ ๖...จบ] อุปธิ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 30 พ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กิเลสประการต่างๆ เป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต เมื่อเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ก็เป็นเครื่องตัดหรือทำลายซึ่งกุศลธรรม ไม่สามารถทำให้กุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไปในขณะนั้นได้เลย ยกตัวอย่าง กิเลสมาร ๓ ประเภท คือ โลภะ โทสะ โมหะ เมื่อโลภะเกิดขึ้นก็ติดข้องในสิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่ปล่อย ไม่สละ ไม่ยอมให้จิตเป็นกุศล และ ไม่ปล่อยให้ออกไปจากสังสารวัฏฏ์ โลภะเป็นเหตุให้วนเวียนไปในสังสารวัฏฏ์ไม่สิ้นสุด โทสะเป็นกิเลสมาร ขณะที่โทสะเกิดขึ้น คุณความดีเกิดไม่ได้ จิตของผู้ถูกโทสะครอบงำย่อมไม่น้อมไปสู่กุศลธรรมเลย มีแต่ความขุ่นข้องหมองใจ ไม่พอใจ เมื่อสะสมมีกำลังมากขึ้นก็ถึงขั้นล่วงเป็นทุจริตกรรมประทุษร้ายผู้อื่นให้เดือดร้อน โมหะเป็นกิเลสมาร ขณะที่มีโมหะ ขณะนั้นมืดมิด ไม่สามารถรู้สภาพธรรมที่มีจริงตามความเป็นจริงได้ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่รู้ว่าอะไรเป็นคุณเป็นโทษ และตราบใดที่ยังมีโมหะอยู่ก็ย่อมเป็นเหตุให้อกุศลประการต่างๆ เกิดตามมาอีกมากมาย ทำให้วนเวียนในสังสารวัฏฏ์ต่อไป นี้เพียง ๓ ประเภทใหญ่ๆ ที่เป็นกิเลสมาร แต่เมื่อกล่าวโดยรวมแล้ว กิเลสทุกประเภท เป็นมารทั้งหมด เพราะขัดขวาง ตัดรอนโอกาสแห่งกุศลธรรมของตนเองโดยส่วนเดียว และเมื่อถูกกิเลสครอบงำ ก็เหมือนกับถูกเทวปุตตมาร คอยขัดขวางไม่ให้เป็นไปในทางที่เป็นกุศล คอยส่งเสริมให้อยู่ในวัฏฏะต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ดวงทิพย์
วันที่ 30 พ.ค. 2557

ขอบพระคุณคะ เข้าใจขึ้นแล้วคะ

อนุโมทนาคะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ