มาร 5 [มัจจุมาร...ตอนที่ 5]

 
เมตตา
วันที่  7 เม.ย. 2554
หมายเลข  18156
อ่าน  4,809

มัจจุมาร คือ ความตาย

ตายด้วยอำนาจของกรรม และสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้ทันที หมดโอกาสที่จะทำความดี หมดโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม หมดโอกาสที่จะเจริญกุศลในภพนั้น การได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นผลของกุศลกรรมที่ได้กระทำมา และขณะนี้ยังเป็นขณะที่หาได้ยาก เพราะยังอยู่ในขณะที่พระสัทธรรมยังมีอยู่ ได้พบกัลยาณมิตร ได้ฟังพระสัทธรรม จึงควรที่จะฟังพระธรรมให้เข้าใจ อบรมความเห็นถูกเข้าใจถูก ไม่มีใครจะรู้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อไหร่ ภพชาติหน้าจะมีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์อีกหรือไม่ หรืออาจเกิดในนรก เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน หมดโอกาสที่จะได้อบรมเจริญปัญญา

...ขอเชิญคลิกอ่านธรรมเตือนใจได้ที่...

ขณะอย่าล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย

การฟังพระสัทธรรม เป็นของยาก

การตายไม่สามารถรู้ล่วงหน้า

ไม่รู้เวลาตาย

...ขออนุโมทนาค่ะ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chaiyut
วันที่ 7 เม.ย. 2554

มัจจุมาร คือความตาย ขัดขวางโดยพรากโอกาสการเจริญความดีในขณะที่เป็นมนุษย์ เพราะมัจจุมารทำให้สิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้ในชาตินี้ทันที เมื่อถึงคราวตาย จะขอทำความดีก่อนตายอีกสักขณะหนึ่ง ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะความดีคือการฟังพระธรรมให้เข้าใจ เป็นสิ่งที่หาฟังได้ยากยิ่งในกาลนาน ถ้าเราไม่เริ่มฟัง ไม่เริ่มศึกษา ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประมาทต่อมัจจุมาร เพราะเมื่อตายแล้ว ปุถุชนเป็นผู้มีคติไม่แน่นอนถ้าไปเกิดในภพภูมิที่ไม่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ขณะนั้นก็ชื่อว่า ได้ล่วงเลยขณะของการอบรมปัญญาไปเสียแล้ว

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 7 เม.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ทุกคนที่เกิดมา ในที่สุดแล้วก็จะต้องตาย ไม่มีใครรอดพ้นจากความตายไปได้เลยแม้แต่คนเดียว จะอยู่ที่ไหน ก็ไม่พ้น เราไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อใด เรื่องตายไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องใหญ่ที่ควรจะพิจารณา คือ ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง ควรจะทำอะไรที่จะเป็นประโยชน์สำหรับชีวิต ถ้าเป็นผู้ประมาทมัวเมาไม่สะสมกุศลไว้เลย ย่อมไม่คุ้มค่ากับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ซึ่งได้อย่างยากแสนยาก พอความตายมาถึงจะขอผัดผ่อนว่า ขอฟังธรรมก่อน ขอเจริญกุศลก่อน ก็เป็นไปไม่ได้

เพราะฉะนั้น ไม่มีอะไรที่จะเป็นที่พึ่งสำหรับชีวิตอย่างแท้จริง นอกจากกุศลธรรมประการต่างๆ เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ปัญญา ความรู้ความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งจะต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง สะสมปัญญาไปตามลำดับ ถึงแม้ว่ายังต้องเดินทางต่อไปอีกในสังสารวัฏฏ์ เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด แต่ก็เป็นผู้ที่มีที่พึ่ง คือ กุศลธรรม จนกว่าจะมีปัญญาเจริญขึ้นถึงขั้นที่เป็นโลกุตตระ สูงสุด ดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ถึงความเป็นพระอรหันต์ เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว ก็จะไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ นั่นก็หมายความว่า จะไม่ต้องประสบกับมัจจุมาร คือ ความตาย อีกต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา, คุณ chaiyut และทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 7 เม.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pamali
วันที่ 12 เม.ย. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 13 เม.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 23 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 7 ม.ค. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ชัยวิชิต
วันที่ 20 ธ.ค. 2560

ขออนุโมทนา และ ขอบคุณ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 16 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ภาคภูมิอรุณศรี
วันที่ 2 ก.พ. 2567

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ