มาร ๕ [ขันธมาร...ตอนที่ ๓]

 
เมตตา
วันที่  6 เม.ย. 2554
หมายเลข  18143
อ่าน  6,179

ขันธมาร คือ ขันธ์ ๕ ได้แก่ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์

ขันธ์ เป็นบัญญัติที่แสดงให้เข้าถึงปรมัตถธรรม ขันธ์ เป็นสิ่งที่มีจริง ทรงไว้ซึ่งความว่างเปล่า เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีกเลย ซึ่งได้แก่ จิต เจตสิก และรูป ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่กำลังปรากฏอยู่ขณะนี้ ไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวันเลย ... ทุกๆ ขณะของชีวิตที่เกิดขึ้นต้องเห็น ได้ยิน ... และก็คิดนึก แท้ที่จริงก็เป็นเพียงจิต เจตสิก และรูป ที่เกิดดับสืบต่อกันไป ไม่เคยขาดสาย ... ขณะนี้เป็นสังสารวัฏฏ์ ... เกิดขึ้นมาเห็น ได้ยิน และก็คิดไปตามนิมิต สัณฐานของสิ่งที่ปรากฏ ไปเป็นเรื่องราวต่างๆ มากมายเป็นโลกทั้ง ๖ โลกทางตา โลกทางหู ... ด้วยความไม่รู้

ทุกๆ ขณะจิตที่เกิดดับสืบต่อ ที่เรียกกันว่าชีวิต ที่แท้เป็นเพียงจิต เจตสิก และรูปที่เกิดดับสืบต่อไม่มีที่สิ้นสุด ... ภพแล้วภพเล่า ที่ต้องเกิดขึ้นมาเพื่อที่จะเห็น ได้ยิน ... น่าเบื่อไหม เป็นทุกข์ไหม เบื่อที่จะต้องเห็นอีก ได้ยินอีก ... ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ใช่เป็นสิ่งที่น่ายินดี ไม่เป็นความดี ไม่เป็นความเจริญ ... ขันธมาร

...ขออนุโมทนาค่ะ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 6 เม.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ไม่ว่าจะเป็นโดยนัยใดก็ตาม ก็เพื่อประโยชน์ คือ ความเข้าใจถูก เห็นถูก ของผู้ศึกษาเป็นสำคัญ แม้แต่ในเรื่องขันธมาร ก็เช่นเดียวกัน ขันธ์ เป็นขันธ์ เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย เมื่อเกิดแล้วดับไป ตั้งอยู่ไม่ได้ ที่ขันธ์เป็นมาร ก็เพราะเหตุว่า เกิดขึ้นแล้วก็ต้องดับไป ไม่น่ายินดี ไม่น่าพอใจ ซึ่งเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วหมดไป การอบรมเจริญปัญญา สะสมปัญญาจากการฟัง การศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ก็จะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งขึ้น เพื่อละคลายความไม่รู้และความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรม (คือ ขันธมาร) ว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล ครับ

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาและทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 6 เม.ย. 2554

การศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ก็จะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งขึ้น เพื่อละคลายความไม่รู้และความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรม (คือ ขันธมาร) ว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล ครับ

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ. คำปั่น ด้วยค่ะ...

การศึกษาพระธรรม ประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจ เข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่ยึดถือไว้ว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ เป็นสิ่งต่างๆ ว่าที่แท้เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ไม่มีเรา แต่ละขณะมีแต่ธรรมะ อบรมเจริญปัญญาจนกว่าจะเห็นตามความเป็นจริงเพื่อความหลุดพ้นจาก ขันธมาร ค่ะ

ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...

พิจารณาเห็นขันธ์ ๕ เพื่อความหลุดพ้น [ปริมุจจิตสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 6 เม.ย. 2554

ที่ท่านกล่าวไว้ว่าถึงความหมายของมาร นั้นว่า

มาร ความหมายถึง ทำให้ตาย ขัดขวางไม่ให้ความดีเจริญ ข้าศึกทั้งปวง

แต่ขันธ์ ก็ทำหน้าที่ของขันธ์ตามเหตุตามปัจจัย และก็เกิดดับตามเหตุตามปัจจัย

แต่ขันธ์ กลายเป็นมาร เพราะว่า การเกิดดับตามปกติได้อย่างไรครับ

เหตุอะไรที่ทำให้ขันธ์กลายเป็นขันธมารครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เมตตา
วันที่ 6 เม.ย. 2554

เรียนคุณจักรกฤษณ์ ความเห็นที่ 3

แต่ขันธ์ ก็ทำหน้าที่ของขันธ์ตามเหตุตามปัจจัย และก็เกิดดับตามเหตุตามปัจจัย แต่ขันธ์กลายเป็นมาร เพราะว่า การเกิดดับตามปกติได้อย่างไรครับ

- จริงอยู่ ขันธ์ ก็ทำหน้าที่ของขันธ์ตามเหตุตามปัจจัย และก็เกิดดับตามเหตุตามปัจจัย แต่ตราบใดที่ยังมีขันธ์เกิดดับสืบต่ออยู่ สังสารวัฏฏ์ก็ไม่มีวันจบสิ้นไปได้ ก็ชื่อว่ามีมาร เพราะมีขันธ์อยู่ เมื่อมีขันธ์อยู่ก็มีทุกข์อยู่ตราบนั้น หนทางเดียวคืออบรมเจริญปัญญาจนกว่าอรหัตตมรรคเกิด ดับกิเลสหมดสิ้นเป็นสมุจเฉท ดับขันธปรินิพพาน จึงจะไม่มีขันธ์เกิดขึ้นอีก ตราบใดที่ยังมีขันธ์อยู่ ก็จะติดข้องจนกว่าจะมีปัญญาค่ะ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 6 เม.ย. 2554

อ้างอิงจาก : หัวข้อ 18143 ความคิดเห็นที่ 3 โดย จักรกฤษณ์

เชิญคลิกอ่านข้อความในพระไตรปิฎกเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องของขันธมารครับ

ขันธมาร [มารสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ups
วันที่ 6 เม.ย. 2554

ขอความนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

ไม่ว่าจะเป็น มาร ไหนก็แล้วแต่ครับน่ากลัวที่สุด ผมได้ดี (ได้ฟังสิ่งที่ถูกต้องตามความเป็นจริงไม่ต้องหลงผิด) ก็ต้อง ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และผู้ที่ทำให้มี เว็บไซต์ นี้ แม้บางครั้ง ผมเอง จะมีการให้สิ่งของบ้าง แต่ก็ยังเป็นเรื่องยาก เนื่องจากสะสมความไม่รู้มามากมาย เช่น วันหนึ่งผมได้นำขนมไปให้รับประทานที่มูลนิธิฯ แต่ก็เห็นเพื่อนเขานำของมาให้เหมือนกัน ก็คิดจะร่วมเจริญกุศลกับเขา แต่แล้วก็คิดไปอีกว่า วันนี้เราเอาของมาแล้ว วันหน้าค่อยร่วมกับเขาก็แล้วกัน ก็คิดได้อีกว่า โอ โดนเล่นงานแล้วกิเลส

สุดท้ายก็เลยไปร่วมกับเขา เสร็จแล้วก็กลับมาพิจารณาต่อ ไม่เห็นเกิดปีติเลย ก็คิดได้อีกว่า โดนเล่นงานอีกแล้ว โอ ธรรม ช่างละเอียดลึกซื้ง จริง ไม่รู้จะเมื่อไหร่ ไม่ได้คิดจะสอนใครนะครับ เพียงแต่มีเรื่องราวที่ได้คิดไว้ และขอเล่าให้พี่เมตตาและอาจารย์คำปั่น เผื่อได้อ่าน จะได้มี ธรรม เตือนใจ ให้ผมได้พิจารณาต่อไปเรื่อยๆ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เมตตา
วันที่ 6 เม.ย. 2554

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนา น้องpaderm ด้วยค่ะ...

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณups ด้วยค่ะ พระธรรมละเอียด ลึกซึ้งจริงๆ ค่ะ

ยากที่จะเข้าใจได้จริงๆ ก็ต้องศึกษา ฟังพระธรรมกันต่อไปค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 6 เม.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณเมตตา, อาจารย์คำปั่น, อาจารย์ผเดิม และทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
orawan.c
วันที่ 7 เม.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
bsomsuda
วันที่ 10 เม.ย. 2554

ขอบพระคุณทุกๆ ท่าน และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pamali
วันที่ 12 เม.ย. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
เซจาน้อย
วันที่ 23 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 7 ม.ค. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 16 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ