พระมหาบรมโพธิสัตว์เจ้าบริจาคบุตรให้ยักษ์เคี้ยวกิน

 
เบื้องบาทโมเนยยะ
วันที่  30 เม.ย. 2557
หมายเลข  24786
อ่าน  2,629

มีกล่าวไว้ที่ใดบ้าง

และการบำเพ็ญบารมีของสาวกโพธิสัตว์

จำเป็นไหมต้องบริจาคบุตร และภริยา บ่อยๆ เหมือนพระองค์ท่าน

อนุโมทนายิ่ง ในกุศลจิตของทุกท่านที่ร่วมแสดงความคิดเห็น

ไม่ปรารถนาเห็นพุทธองค์อีกเลย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 30 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระโพธิสัตว์ที่บริจาคบุตรให้ยักษ์เคี้ยวกิน คือ พระมังคลพระโพธิสัตว์

พระมังคลพระพุทธเจ้า ด้วยเหตุที่ในชาติก่อนจะอุบัติ เกิดเป็นชาติที่คล้ายพระเวสสันดร ยักษ์ปลอมตัวเป็น พราหมณ์ มาขอบุตรที่รักของพระองค์ทั้งสองพระองค์ พอพระโพธิสัตว์มังคละยกให้แล้ว ยักษ์ก็แปลงกลับเป็นร่างเดิม คือ เป็นยักษ์มีเขี้ยวยาว และก็กัดกินบุตรน้อยทั้งสองของพระโพธิสัตว์ เลือดพุ่งออกจากปากของยักษ์ พระโพธิสัตว์มังคละเห็น เกิดความปิติโสมนัสใจ ไม่เกิดความทุกข์ใจแม้แต่น้อยเลย ปิติโสมนัสว่า ทานเราให้ดีแล้วหนอ และ ก็อธิษฐานว่า ขอให้เมื่อเราเป็นพระพุทธเจ้า มีรัศมีแผ่ออกไปดั่งสายเลือดของบุตรน้อย และเมื่อพระโพธิสัตว์ บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่า มังคละ พระพุทธเจ้า พระองค์จึงมีฉัพพรรณรังสี หรือรัศมี แผ่ออกไปโดยปกติ หมื่นจักรวาล

* * * * * * * * * * * * * * * *

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ

การบริจาคบุตรเป็นทาน [พระมงคลพุทธเจ้าที่ ๓]

ผู้ที่บำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่า พระโพธิสัตว์ (สัมมาสัมพุทธโพธิสัตว์) พระโพธิสัตว์ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างครบถ้วน บริจาคสิ่งใหญ่ๆ ๕ อย่าง เรียกว่าปัญจมหาบริจาค คือ บริจาคอวัยวะ บริจาคชีวิต บริจาคทรัพย์ บริจาคราชสมบัติ บริจาคบุตร และภรรยา ทั้งหมดเป็นของที่เป็นที่รักและสละได้โดยยากทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่รัก ก็ตาม และสิ่งที่มีค่าและเป็นที่รักยิ่งกว่านั้น คือ พระสัมมาสัมโพธิญาณ พระบารมีที่ทรงบำเพ็ญทั้งหมด ก็เพื่อสิ่งนี้ เพื่อจะช่วยสัตว์โลกให้พ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง

พระโพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมบำเพ็ญบารมี สละทุกสิ่งทุกอย่าง อันน้อมไปเพื่อโพธิญาณถึงการตรัสรู้ด้วยพระองค์เองและยังสัตว์ทั้งหลายให้ตรัสรู้ตามด้วย ดังนั้นพระองค์บำเพ็ญบารมี 30 ทัศ และต้องบำเพ็ญ มหาบริจาค 5 ประการอันประกอบด้วย

➢ ธนบริจาค คือ การสละทรัพย์สิน ภายนอกทั้งหมด มี พระราชสมบัติ เป็นต้น อันน้อมไปเพื่อโพธิญาณ

➢ อังคบริจาค การสละอวัยวะน้อยใหญ่ของท่าน เช่ย สละดวงตา แขน ขา เพื่อเป็นไปในพระโพธิญาณ เพื่อช่วยสรรพสัตว์

➢ ชีวิตบริจาค สละชีวิต เพื่อพระโพธิญาณ

➢ ปุตตบริจาค การสละ บริจาค ให้บุตรอันเป็นที่รักเพื่อพระโพธิญาณ

➢ ภริยบริจาค การบริจาค สละ ให้ภริยาอันเป็นที่รัก เพื่อพระโพธิญาณ

ซึ่ง สาวก ไม่จำเป็นจะต้องทำตามพระโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะชื่อก็บอกแล้วว่าสาวก การบำเพ็ญบารมีก็ต้องแตกต่างกัน ไม่ใช่การสละหมดทุกสิ่งที่จะได้ความเป็นผู้เลิศที่สุด ครับ

[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 312

๘. กามสูตร

[๒๑๓] เทวดาทูลถามว่า

กุลบุตรผู้ใคร่ประโยชน์ไม่ควรให้สิ่ง

อะไร คนไม่ควรสละอะไร อะไรหนอที่

เป็นส่วนดีงามควรปล่อย แต่ที่เป็นส่วน

ลามกไม่ควรปล่อย.

[๒๑๔] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า

บุรุษไม่พึงให้ซึ่งตน ไม่พึงสละซึ่ง-

ตน วาจาที่ดีควรปล่อย แต่วาจาที่ลามก

ไม่ควรปล่อย.

อรรถกถากามสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในกามสูตรที่ ๘ ต่อไป :-

บทว่า ไม่พึงให้ซึ่งตน นี้ ท่านอธิบายว่า ยกเว้นพระโพธิสัตว์

ทั้งหลายแล้ว บุคคลไม่พึงให้ซึ่งตนโดยการทำตนให้เป็นทาสของผู้อื่น. บทว่า

น ปริจฺจเช อธิบายว่า ยกเว้นพระโพธิสัตว์ทั้งหลายนั่นแหละ บุคคลไม่พึง

สละซึ่งตนให้แก่สัตว์ทั้งหลายมีสีหะและพยัคฆ์ร้ายเป็นต้น.

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 30 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จะเห็นได้ว่าพระมหาสัตว์ท่านบริจาคลูกเพื่อให้ทานบารมีของท่านเต็มบริบูรณ์ เพื่อการช่วยเหลือให้ตัวท่าน และภรรยาและลูก พร้อมทั้งสัตว์โลกให้พ้นจากวัฏฏทุกข์ทั้งสิ้น ถ้าไม่ทำมหาบริจาคคือบริจาคลูกและภรรยา ก็จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ อนึ่งภรรยาและลูกก็เต็มใจในการกระทำนั้น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 30 เม.ย. 2557

สาวกไม่ได้บำเพ็ญเพื่อได้ สัพพัญญุตญาณ สาวก เจริญกุศลอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องให้บุตรภรรยา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เบื้องบาทโมเนยยะ
วันที่ 3 พ.ค. 2557

ทำได้ยาก

ทำได้โดยยาก

ทำได้โดยยากหนอ

ทำได้โดยยากหนอแล

แสดงให้เห็นถึงพระคุณทั้งสามของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์อันได้แก่ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาคุณ และพระปัญญาธิคุณ ว่ากว้างใหญ่หาที่สุดมิได้...เพราะพระมหาบรมโพธิสัตว์เจ้าต้องเวียนว่ายในวัฏฏะทุกข์อย่างเนิ่นนานนับตั้งแต่ตั้งความปรารถนาในใจ เอื้อนเอ่ยเป็นวาจา และหลังจากพุทธพยากรณ์แล้วยังต้องบำเพ็ญบารมีอีกหลายอสงขัยแสนกัปป์ นับเป็นพระคุณอันมหาศาลหาประมาณมิได้ต่อพุทธบริษัทที่ควรจะน้อมใจใฝ่ศึกษาพระธรรมตราบจนสังสาระของแต่ละท่านจะสูญสิ้น

ไม่ปรารถนาเห็นพุทธองค์อีกเลย

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ