โลกธรรม ๘

 
phawinee
วันที่  1 เม.ย. 2556
หมายเลข  22714
อ่าน  4,379

กราบเรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ ว่า โลกธรรม ๘ ถ้ากล่าวโดยองค์ธรรมมีจริงหรือไม่คะ ความเข้าใจของตัวเองคือ โลกธรรม ๘ เป็นแต่เพียงบัญญัติ ไม่ใช่สัจจธรรม ไม่มีสภาพ ธรรมรองรับ .. เข้าใจแบบนี้จะถูกหรือผิดอย่างไร ขอความกรุณา ท่านอาจารย์ช่วย ขยายความเพิ่มเติมด้วยค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 1 เม.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

โลกธรรม ๘ คือ ความเป็นธรรมดาของโลก ที่จะต้องเป็นอย่างนี้เป็นธรรมดา ไม่ว่า จะเป็นอดีต ปัจจุบันและอนาคต ซึ่ง โลกธรรม ๘ ประกอบด้วย

ลาภ ๑ ความเสื่อมลาภ ๑

ยศ ๑ ความเสื่อมยศ ๑

นินทา ๑ สรรเสริญ ๑

สุข ๑ ทุกข์ ๑

ซึ่งจากคำถามที่ว่า โลกธรรม ๘ ถ้ากล่าวโดยองค์ธรรมมีจริงหรือไม่คะ

โลกธรรม ที่เป็น ลาภ เสื่อมลาภ เป็นต้น ก็ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่มีจริง คือ เพราะ มีสภาพธรรมที่มีจริง จึงมีโลกธรรม ๘ ประการ เพราะ มี จิต เจตสิก รูป ที่เกิดขึ้นและดับไป จึงมีลาภ คือ สิ่งที่สมมติว่าดี ก็คือ สิ่งที่เห็นที่ดี เสียงที่ดี กลิ่นที่ดี เป็นต้น ก็ชื่อว่า เป็นลาภ และ การเห็นสิ่งที่ไม่ดี เสียงที่ไม่ดี เหล่านี้ ก็คือ การเสื่อมลาภ เสื่อมจากสิ่งที่เห็นที่ดี นั่นเอง เพราะฉะนั้น ความได้ลาภ ความเสื่อมลาภ จึงเป็นสมมติบัญญัติขึ้น ว่าเป็นลาภ เป็นการเสื่อมลาภ แท้ที่จริง เป็นเพียงสภาพธรรมที่ไม่พ้นจาก โลกทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ที่เป็นแต่เพียงสภาพธรรมเท่านั้น จึงกล่าวได้ว่า ลาภ เสื่อมลาภ เป็นเพียงสมมติบัญญัติขึ้นจากสิ่งที่มีจริง ตามที่กล่าวมา ยศ ความเสื่อมยศ ก็โดยนัยเดียวกัน เพียงเพราะคิดนึกเองเองว่า เสื่อมยศ ได้ยศ แท้ที่จริง ก็เพียงเห็นไม่ดี เห็นดี เป็นต้น ก็คิดนึกว่าได้ยศเสื่อมยศที่เป็นสมมติบัญญัติจากสิ่งที่มีจริง นินทา สรรเสริญ ก็เป็นเพียงสมมติจาก เสียงที่ได้ยิน สมมติว่า เสียงนี้สรรเสริญ เสียงนี้นินทา จึงเป็นเพียงสมมติบัญญัติเท่านั้น แต่สิ่งที่มีจริง คือ เป็นสภาพธรรมที่เป็นเสียงที่ปรากฎเท่านั้น

สุข ทุกข์ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นเวนทนาเจตสิก เช่น สุขทางใจ ทุกข์ทางใจ เป็นต้น จึงกล่าวโดยสรุปได้ว่า โลกธรรม ๘ มีทั้งที่เป็นสมมติบัญญัติ และ เป็นปรมัตถ องค์ธรรม ที่เป็นเวทนาเจตสิก ที่เป็น สุข ทุกข์ แต่ โลกธรรม ๘ จะมีได้ ก็เพราะอาศัยสภาพธรรมที่มีจริง ครับ

เชิญอ่านที่ท่านอาจารย์สุจินต์เพิ่มเติมดังนี้ ครับ

ท่านอาจารย์ เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม โดยพระธรรมที่ทรงแสดง เช่น เรื่องของ"โลกธรรม" เพราะอะไรคะ ทุกคนถึงได้ขวนขวายต้องการโลกธรรมฝ่ายดี ถ้าไม่ใช่ เพื่อตัวเอง เพราะว่ามีความยึดมั่นในความเป็นตัวตนอย่างมาก เพราะฉะนั้น จึงเห็นว่า ลาภก็ดี ยศก็ดี สรรเสริญก็ดี สุขก็ดี เป็นเรา เพราะฉะนั้นจึงขวนขวาย แต่ถ้ารู้ว่า ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นก็เห็นว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หรือว่า เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ เป็นของธรรมดาค่ะ และถ้าสามารถรู้จนกระทั่งว่า เป็นเพียงชั่วขณะจิตเดียว ตัวตนอยู่ที่ไหน ไม่มีเลย หลงยึดถือสิ่งที่เกิดดับว่าเป็นเรา ว่าเป็นตัวตน ต่อเมื่อใด ปัญญาเจริญขึ้น คลายความยึดถือสภาพธรรมที่เกิดดับ และรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นธรรมฝ่ายใดก็เป็นแต่เพียงนามธรรมและรูปธรรม ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เมื่อเกิดแล้ว ดับแล้ว เราจะอยู่ที่ไหน เราเมื่อกี้อยู่ที่ไหน เราชั่วขณะเดียวที่ได้ยิน เมื่อกี้นี้อยู่ที่ไหน ก็ไม่มี

เพราะฉะนั้นถ้าสามารถจะคลายความเป็นตัวตนได้ ก็จะเข้าใจว่า แม้ธรรมทีเป็น"โลกธรรม" ที่พระผู้ฯทรงแสดง ก็เกื้อกูล ในการที่จะคลายการยึดถือ สภาพธรรมว่าเป็นตัวตนได้


เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ

โลกธรรม ๘ ประการ [โลกธรรมสูตร]

ความเข้าใจสภาพธรรม ๐๑ โลกธรรม ๘ ประการ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ใฝ่รู้
วันที่ 1 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 1 เม.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ย่อมเป็นไปเพื่ออุปการะเกื้อกูลให้สัตว์โลก ได้เข้าใจถูกเห็นถูกในธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงๆ โดยนัยที่หลากหลาย โดยพยัญชนะที่หลากหลาย ทั้งหมดทั้งปวง ย่อมไม่พ้นไปจากเพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรา รวมทั้งพระธรรมที่ว่าด้วยโลกธรรม ก็คือ ธรรมที่มีจริงๆ เป็นธรรมประจำโลก โลกธรรมในส่วนที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนา มีทุกยุคทุกสมัย และ ไม่ใช่มีเฉพาะโลกธรรมฝ่ายไม่ดีเท่านั้น ฝ่ายที่ดีก็มีด้วย ผู้ที่มีความเข้าใจตามความเป็นจริง ย่อมไม่เศร้าโศกเสียใจ เมื่อประสบกับโลกธรรมฝ่ายเสื่อม และ ย่อมไม่หลงระเริง ไม่มัวเมากับลาภ ยศ สรรเสริญ และสุข ที่เกิดขึ้น ไม่หวั่นไหวไปด้วยอำนาจของอกุศลประการต่างๆ ท่านย่อมไม่ตกเป็นทาสของสิ่งเหล่านี้เลย ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 1 เม.ย. 2556

โลกธรรม ๘ เช่น สรรเสริญ นินทา ปุถุชนผู้ไม่มีปัญญาย่อมหวั่นไหว ในโลกธรรม เช่น สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ แต่พระอรหันต์ ไม่หวั่นไหวในโลกธรรม เพราะดับกิเลสหมด ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
natural
วันที่ 1 เม.ย. 2556

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
phawinee
วันที่ 2 เม.ย. 2556

ขอบพระคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 2 เม.ย. 2556

ลาภ ๑ ความเสื่อมลาภ ๑

ยศ ๑ ความเสื่อมยศ ๑

นินทา ๑ สรรเสริญ ๑

สุข ๑ ทุกข์๑ (ทางกายและทางใจ)

เป็นเพียงอิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์ที่เกิดขึ้นเพราะผลของกรรมหรือความคิดนึกเป็นอนัตตาบังคับบัญชาไม่ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 3 เม.ย. 2556

การพูดถึงโลกธรรม ๘ เป็นการพูดถึงสิ่งที่เป็นอารมณ์ของจิต..ใช่หรือไม่คะ โลกธรรม ๘ รับรู้ได้ทางมโนทวาร....ใช่หรือไม่คะ

ที่ว่าสุขหรือทุกข์..เป็นเวทนาเจตสิกที่เป็นอารมณ์ทางมโนทวาร...ใช่หรือไม่คะ อิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์..พูดถึงเฉพาะอารมณ์ที่เป็นปรมัตถธรรม..ใช่หรือไม่คะ บัญญัติอารมณ์หรือธรรมมารมณ์...ไม่เป็นอิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์..ใช่หรือไม่คะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
jaturong
วันที่ 3 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
phawinee
วันที่ 5 เม.ย. 2556

ขอบคุณมากค่ะ คำถามตอนท้ายให้พิจารณาในคำว่า ธรรมมารมณ์ และอื่นๆ หลายๆ คำ ยังไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ก็เลยยังตอบไม่ได้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
kinder
วันที่ 7 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
apichet
วันที่ 19 ก.ค. 2566

สาธุครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ