สัมมาปริพพาชนิยสูตร ... วันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

 
มศพ.
วันที่  3 ก.พ. 2556
หมายเลข  22437
อ่าน  1,634

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺสพุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...


มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ที่ ๙ กุมภาัพันธ์ ๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ

สัมมาปริพพาชนิยสูตร

(ว่าด้วยผู้เว้นรอบโดยชอบในโลก)

จาก...

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕- หน้าที่ ๕๐๑

(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันเสาร์ที่ ๒๖ พ.ค. ๒๕๕๕)

...นำสนทนาโดย...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

และ คณะวิทยากรมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕- หน้าที่ ๓๒๘

สัมมาปริพพาชนิยสูตร

(ว่าด้วยผู้เว้นรอบโดยชอบในโลก)

พระพุทธนิมิต ตรัสถามด้วยพระคาถาว่า

[๓๓๑] เราขอถามมุนีผู้มีปัญญามาก

ผู้ข้ามถึงฝั่ง ปรินิพพานแล้ว ดำรงตนมั่น

ภิกษุนั้นบรรเทากามทั้งหลายแล้ว พึงเว้น

รอบโดยชอบในโลกอย่างไร

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า

ภิกษุใด ถอนการถือความเกิด

ความฝัน และลักษณะว่าเป็นมงคลขึ้นได้แล้ว

ภิกษุนั้นละมงคลอันเป็นโทษได้แล้ว พึงเว้น

รอบโดยชอบในโลก

ภิกษุ พึงนำออกเสียซึ่งความกำหนัด

ในกามทั้งหลาย ทั้งที่เป็นของมนุษย์ ทั้งที่

เป็นของทิพย์ ภิกษุนั้นตรัสรู้ธรรมแล้ว ก้าว-

ล่วงภพได้แล้ว พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก

ภิกษุกำจัดคำส่อเสียดแล้ว พึงละ

ความโกรธ ความตระหนี่ ภิกษุนั้นละความ

ยินดี และความยินร้ายได้แล้ว พึงเว้นรอบ

โดยชอบในโลก.

ภิกษุ ละสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก

และไม่เป็นที่รักแล้ว ไม่ถือมั่น อันตัณหา

และทิฏฐิไม่อาศัยแล้วในภพไหนๆ หลุดพ้น

แล้วจากธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์ พึงเว้น

รอบโดยชอบในโลก

ภิกษุนั้น กำจัดเสียแล้วซึ่งความ

กำหนัดด้วยอำนาจแห่งความพอใจในความ

ยึดถือทั้งหลาย ย่อมไม่เห็นความเป็นสาระ

ในอุปธิทั้งหลาย ภิกษุนั้นผู้อันตัณหาและ

ทิฏฐิไม่อาศัยแล้ว อันใครๆ พึงนำไปไม่ได้

พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก

ภิกษุนั้น ไม่ผิดพลาดด้วยวาจาใจและ

การงานแล้ว รู้แจ้งแล้วซึ่งธรรมโดยชอบ

ปรารถนาบทคือนิพพานอยู่ พึงเว้นรอบโดย

ชอบในโลก

ภิกษุใดประสบอยู่ ไม่พึงยึดถือว่า

เราแม้ถูกด่าก็ไม่พึงผู้โกรธ ได้โภชนะที่ผู้

อื่นให้แล้ว ไม่พึงประมาทมัวเมา ภิกษุนั้น

พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก

ภิกษุละความโลภและภพแล้ว งดเว้น

จากการตัดและการจองจำสัตว์อื่น ข้ามพ้น

ความสงสัย ไม่มีกิเลสดุจลูกศร พึงเว้น

รอบโดยชอบในโลก

ภิกษุรู้แจ้งการปฏิบัติอันสมควรแก่ตน

และรู้แจ้งธรรมตามความเป็นจริงแล้วไม่พึง

เบียดเบียนสัตว์ไรๆ ในโลก พึงเว้นรอบ

โดยชอบในโลก

ภิกษุใดไม่มีอนุสัย ถอนอกุศลมูล

อะไรๆ ขึ้นได้แล้ว ภิกษุนั้นไม่มีความหวัง

ไม่มีตัณหา พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก

ภิกษุผู้สิ้นอาสวะ ละมานะได้แล้ว

ก้าวล่วงธรรมชาติ อันเป็นทางแห่งราคะได้

หมด ฝึกฝนตน ดับกิเลสได้แล้ว มีจิตตั้งมั่น

พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก

ภิกษุผู้มีศรัทธาได้สดับแล้ว เห็น

มรรค ไม่แล่นไปด้วยอำนาจทิฏฐิในสัตว์

ทั้งหลายผู้ไปแล้วทิฏฐิ ภิกษุนั้นเป็น

นักปราชญ์ กำจัดเสียซึ่งโลภะ โทสะ และ

ปฏิฆะ พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก

ภิกษุนั้น ชนะกิเลสด้วยอรหัตมรรค

อันหมดจดดี มีกิเลสดุจหลังคาเปิดแล้ว มี

ความชำนาญในธรรมทั้งหลาย ถึงนิพพาน

ไม่มีความหวั่นไหว ฉลาดในญาณอันเป็นที่

ดับสังขาร พึงเว้นรอบโดยชอบในโลก

ภิกษุ ล่วงความกำหนดว่า เรา ว่าของ

เรา ในปัญจขันธ์ทั้งที่เป็นอดีต ทั้งที่เป็น

อนาคต มีปัญญาบริสุทธิ์ก้าวล่วงทั้ง ๓ กาล

หลุดพ้นแล้วจากอายตนะทั้งปวง พึงเว้น

รอบโดยชอบในโลก

ภิกษุผู้รู้บทแห่งสัจจะทั้งหลาย ตรัสรู้

ธรรม เห็นการละอาสวะทั้งหลายเป็นวิวฏะ

(นิพพาน) ไม่ข้องอยู่ในภพไหนๆ เพราะ

ความหมดสิ้นไปแห่งอุปธิทั้งปวง พึงเว้น

รอบโดยชอบในโลก

พระพุทธนิมิต ตรัสพระคาถาว่า

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้อนี้เป็น

อย่างนั้นแน่แท้ทีเดียว ภิกษุใดมีปกติอยู่

อย่างนี้ ฝึกฝนตนแล้ว ล่วงธรรมเป็นที่ตั้ง

แห่งสังโยชน์ทั้งปวง ภิกษุนั้นพึงเว้นรอบ

โดยชอบในโลก.

จบ สัมมาปริพพาชนิยสูตรที่ ๑๓.

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความจากอรรถกถาได้ที่ ๒ หัวข้อนี้

อรรถกถาสัมมาปริพพาชนิยสูตร .. ๑ [ขุททกนิกาย สุตตนิบาต]

อรรถกถาสัมมาปริพพาชนิยสูตร .. ๒ [ขุททกนิกาย สุตตนิบาต]

...ขอความเจริญมั่นคงในกุศลธรรมจงมีแด่ทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 3 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

สัมมาปริพพาชิยสูตร

(ว่าด้วยผู้เว้นรอบโดยชอบในโลก)

พระพุทธนิมิต ตรัสถามพระผู้มีพระภาคเจ้า ถึงความเป็นผู้เว้นรอบโดยชอบในโลก

ว่าเป็นอย่างไร

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงปรารภคำถามดังกล่าว ได้ตรัสตอบด้วยพระคาถารวม ๑๕

พระคาถา ว่า ความเป็นผู้เว้นรอบโดยชอบในโลก มีลักษณะดังนี้ คือ

ถอนความถือการเกิดและความฝัน ละการถือสิ่งที่ไม่ใช่มงคล ตัดความกำหนัดในกาม

ละการพูดส่อเสียด ละความโกรธ ไม่ตระหนี่ ละความยินดียินร้าย ไม่ถือมั่น ไม่เห็น

ความเป็นสาระในอุปธิทั้งหลาย หลุดพ้นจากธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์ อันตัณหา

และทิฏฐิอาศัยไม่ได้ ใครๆ นำไปไม่ได้ มีกาย วาจา และ ใจไม่ผิดพลาด เป็นต้น

ดังที่ปรากฏในพระสูตร

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

กิเลสตัณหา

ราคะ และ โทสะ

ขณะนี้ข้ามโอฆะแล้วหรือไม่? [จวมานสูตร]

ทำทานเพื่อละความตระหนี่หรือจะรอรับอานิสงส์กันแน่

การพูดเสียดสี ส่อเสียด

อนุสัย และ อาสวะ ต่างกันอย่างไร

มักโกรธ ฯลฯ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 3 ก.พ. 2556

กราบอนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nong
วันที่ 4 ก.พ. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 4 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
tusaneenui
วันที่ 4 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
raynu.p
วันที่ 4 ก.พ. 2556

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
natural
วันที่ 6 ก.พ. 2556

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เข้าใจ
วันที่ 7 ก.พ. 2556

ขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
swanjariya
วันที่ 8 ก.พ. 2556

ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
nopwong
วันที่ 9 ก.พ. 2556

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ