ขณะเดินจงกรมและนั่งสมาธิ

 
ดวงตาเห็นธรรม
วันที่  27 ส.ค. 2554
หมายเลข  19586
อ่าน  2,071

ขณะที่เราเดินจงกรมและนั่งสมาธิอยู่โดยนึกถึงการปลงสังขารตัวเองว่า"ร่างกายของ

เราเป็นของไม่เที่ยง เป็นสิ่งเน่าเปื่อย เป็นของเน่าเหม็น จะยึดติดกับของเน่าเปื่อยพวก

นี้มาไว้กับตัวเองทำไม ประมาณนี้ค่ะ (แต่มีมากกว่านี้ค่ะ) แล้วมีความรู้สึกว่าร่างกาย

บวมขึ้นๆ เหมือนตัวเองจะแตกออกผิวหนังปริออกเป็นรอยแยกค่ะ จนตัวเองไม่ไหวแล้ว

ค่ะบอกตัวเองข้างในว่าไม่ไหวแล้วความรู้สึกนี้ทำให้ตัวเองน้ำตาไหลแต่อยู่ข้างในนะคะ

ข้างนอกน้ำตาซึมๆ ค่ะ แบบนี้เรียกว่าอะไรคะ ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้คะ

รบกวนด้วยค่ะอยากทราบมากๆ เลยค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 27 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของปัญญาและความเห็นถูกครับ การกระทำอะไรก็ตาม

ที่ทำแล้วไม่รู้ ทำแล้วสงสัย ทำแล้วเป็นไปในการเพิ่มอกุศลจิต อกุศลธรรม มีความไม่รู้

ความไม่สบายใจ โทสะและกิเลสอื่นเพิ่มขึ้น นั่นไม่ใช่พระพุทธศาสนา เพราะเป็นหน

ทางที่ผิด ไม่ใช่หนทางที่ถูกและไม่ใช่ปัญญาเลยครับ แต่การกระทำอะไรก็ตามเมื่อ

กระทำแล้ว กุศลเจริญขึ้นและปัญญาเจริญมากขึ้น นั่นเป็นพระพุทธศาสนาและเป็น

หนทางที่ถูกตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ครับ

ดังนั้นเมื่อรู้ว่าการกระทำนั้นเพิ่มอกุศล ไม่ได้เพิ่มปัญญา ความเห็นถูกอะไรเลย เพราะ

ความเห็นถูกและปัญญาที่เจริญ ย่อมนำมาซึ่งความอาจหาญ ร่าเริงด้วยปัญญา แต่ไม่ใช่

การทนไม่ได้เพราะความคิดนึกที่ไม่ถูกต้องอันเกิดจาก สมาธิ ที่เป็นสมาธิที่ผิดครับ

ดังนั้นขอให้เจ้าของคำถาม เลิก ไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คือ การนั่งสมาธิ และเดิน

จงกรม เพราะหากยังทำต่อไป ก็เจริญอกุศลและความเห็นผิดมากขึ้น ก็ทำให้ถึง

ความเป็นบ้า ดังที่หลายๆ คนในปัจจุบันเป็นกัน ซึ่งอันตรายมากๆ ครับ เพราะฉะนั้น

ปัญญา เจริญได้ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ไม่ใช่การนั่งสมาธิ เดินจงกรม

และมาพิจารณาในเรื่องราวที่ไม่ถูกต้อง ก็ทำให้อกุศลเจริญและเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีกับ

เจ้าของคำถามนั่นเองครับ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมเป็นเหตุให้เกิดปัญญาครับ ซึ่ง

ในเวปนี้ก็มีไฟล์ฟังธรรมมากมายครับ ที่จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้น เมื่อเราฟังธรรมเข้าใจ

ขึ้นก็จะรู้ความจริงว่าการปฏิบัติธรรมไม่ใช่การนั่งสมาธิครับ เลิกนะครับ ก่อนที่จะสาย

เกินแก้ และมาฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่นะครับ มีประโยชน์มาก

การนั่งสมาธิ

จะนั่งสมาธิ หรือจะเข้าใจสมาธิ

สมาธินั้น...แค่ไหนจึงเป็นมิจฉาสมาธิ แค่ไหนจึงเป็นสัมมาสมาธิ.

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ดวงตาเห็นธรรม
วันที่ 27 ส.ค. 2554

กราบขอบพระคุณ ที่ให้ความกระจ่างค่ะ อนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 27 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น หนทางเดียว ที่จะทำให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังมีกำลังปรากฏ ตามความเป็นจริง นั้น ต้องฟังพระธรรม ต้องศึกษาพระธรรมที่

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ด้วยความตั้งใจจริงๆ เพราะพระธรรมทั้งหมดนั้น

แสดงให้ผู้ฟังผู้ศึกษาได้เข้าใจตามความเป็นจริง และสภาพธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น มีจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องไปทำอะไรที่ผิดปกติขึ้นมาในการที่จะรู้ธรรม ต้องเป็นปกติจริงๆ ไม่ใช่ผิดปกติ แม้แต่คำว่า จงกรม ก็ดี สมาธิ ก็ดี ซึ่งถ้าได้ศึกษาอย่างละเอียดแล้ว จะไม่เข้าใจผิดเลย จะไม่เข้าใจผิดว่า จงกรม และ สมาธิเป็นรูปแบบของการปฏิบัติ เพราะจงกรม ก็คือ การเดินปกติ ไม่ใช่สร้างท่าทางขึ้นมาให้ผิดปกติ เดินตามปกตินี้เอง คือ จงกรม (ซึ่งมาจากภาษาบาลีว่า จงฺกม แปลว่า การก้าวเดินไป,ก้าวไป) สภาพธรรมใดปรากฏก็สามารถรู้ตามความเป็นจริงได้ในขณะนั้น ส่วนสมาธิ เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก มีทั้งมิจฉาสมาธิ และ สัมมาสมาธิ ซึ่งถ้าไปทำอะไรด้วยความเป็นตัวตน ด้วยความจดจ้องต้องการว่าเป็นทางที่จะทำให้หลุดพ้น นั่นล้วนเป็นมิจฉาสมาธิทั้งหมด เป็นไปเพื่อพอกพูนกิเลส พอกพูนสังสารวัฏฏ์ให้ยืดยาวต่อไป ส่วนสมาธิที่เป็นกุศล ก็มี เพราะสมาธิ เป็นเจตสิกประการหนึ่งที่เกิดกับจิตทุกประเภท (เอกัคคตาเจตสิก) ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดกับจิตประเภทใด ถ้าเกิดกับอกุศล (ซึ่งมีมากเป็นอย่างยิ่ง) เป็นอกุศลสมาธิหรือเป็นมิจฉาสมาธิ แต่ถ้าเกิดกับกุศลจิตก็เป็นกุศลสมาธิ ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ต้องเริ่มที่การฟัง การศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบจริงๆ ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pat_jesty
วันที่ 28 ส.ค. 2554

การกระทำอะไรที่ไม่ช่วยให้รู้อะไรเพิ่มขึ้น เข้าใจขึ้น ก็เป็นการเพิ่มความไม่รู้ เพิ่มความ

เห็นผิด... จึงควรพิจารณาได้ละเอียดจริงๆ ค่ะ ว่าสิ่งที่ทำอยู่ใช่หนทางจริงรึเปล่า เพราะ

หนทางที่ถูก คือหนทางเพื่อ "ละ" ไม่ใช่การมีตัวตน หรือตัวเราที่จะทำอะไรได้

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kinder
วันที่ 29 ส.ค. 2554

ฟังธรรมมากๆ แล้วค่อยๆ เข้าใจเอง ขันติเป็นตบะอย่างยิ่ง ขอขอบพระคุณ อ.paderm

อ.Khampan ที่อธิบายทุกกระทู้ครับ อนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ผู้รู้น้อย
วันที่ 30 ส.ค. 2554

สมัยนี้..สถานปฏิบัติธรรมเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ ใช้วิธีเดินจงกรม และ นั่งสมาธิกันมาก...

น่ากลัวจริงๆ ...เพราะสิ่งที่ถ่ายทอดนี้..ได้ถ่ายทอดให้เด็กๆ และ เยาวชน......

ขออนุโมทนาในบุญกุศลของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
oom
วันที่ 5 ก.ย. 2554

ขอให้ฟังธรรมจากท่านอจ.สุจินต์มากๆ ค่ะ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย ต่อไปก็จะไม่ไปทำอะไรที่ผิดปกติ ดิฉันก็เคยไปปฏิบัติแบบนั้นมาหลายสำนักมาก แต่ก็ไม่เข้าใจ เขาบอกให้ทำอะไรก็ทำ เคยนั่งสมาธิ แล้วมีความสุขมาก ก็อยากได้แบบนั้นอีก แต่ก็ไม่ได้ และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ได้เหมือนที่เคยได้

จนได้มาฟังท่านอจ.สุจินต์ ที่มูลนิธิเกือบประมาณ 2 ปี จึงเข้าใจและหายสงสัย ดิฉันฟังมาตั้งแต่ปี 2535 พึงจะมาเข้าใจชัดเมื่อ 2 ปีนี่เอง

ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
peem
วันที่ 6 ก.ย. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ