ถามเล่นแต่อยากรู้จริงๆ

 
แสงจันทร์
วันที่  5 ส.ค. 2554
หมายเลข  18867
อ่าน  1,333

คนที่ตั้งใจปฏิบัติแต่ตอนหลังสติแตก หรือเรียกว่าบ้า ถ้าเขาตายไปเขาจะได้ขึ้นสวรรค์

หรือเปล่า พอดีเห็นพระรูปหนึ่งเป็นลักษณะนี้คือแกแก้ผ้าเดินเฉยเลย ตอนนี้ส่งไปรักษา

ตัวที่โรงพยาบาทที่สระแก้ว


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระพุทธศาสนา คือ คำสอนของพุทธ หมายถึง คำสอนของผู้รู้ อันนำมาซึ่ง ปัญญา

ดังนั้นคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าส่วนใด ย่อมเป็นไปเพื่อละคลายกิเลส และเจริญ

ขึ้นของปัญญา

ความเป็นผู้หลงลืมสติ ไม่รู้ตัว และฟุ้งซ่าน ภาษาชาวบ้านเรียกว่าบ้า ก็คือ การมากไป

ด้วยกิเลส คือ ความไม่รู้ที่เป็นโมหะ ที่ประกอบด้วยความฟุ้งซ่านที่มีกำลัง ทำให้ไม่รู้สึก

ตัว ไม่มีสติ เป็นอกุศลส่วนมาก จึงถึงความเป็นบ้า ในเมื่อพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรง

แสดงนั้น เป็นไปเพื่อละคลายกิเลส และนำมาซึ่งความเจริญของกุศลธรรม ที่เป็นสติ

และปัญญา เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นไปเพื่อละคลายกิเลส มีโมหะ ความไม่รู้และฟุ้งซ่านจะ

นำไปสู่ความเป็นบ้าไม่ได้ หากเป็นพระธรรมที่ถูกต้อง และเมื่อพระธรรมที่ถูกต้องนำมา

ซึ่งสติ ความรู้สึกตัว ความระลึกได้ จะทำให้ผลของการศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง เป็นผู้

หลงลืมสติ ไม่มีสติถึงความเป็นบ้าไม่ได้ครับ และที่สำคัญที่สุด คำสอนของพระพุทธ

เจ้าเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา ดังนั้นจะทำให้เกิดความไม่รู้ ไม่เห็นตาม

ความเป็นจริงกลายเป็นคนบ้า ไม่ได้ครับ

ดังนั้น การเป็นบ้า ก็ต้องเกิดจากอกุศลจิตที่มีมาก และอกุศลจิตที่มีมากจะเกิดขึ้นได้ก็

เพราะศึกษาพระธรรรมผิด เข้าใจพระธรรมผิด จึงทำให้มีการปฏิบัติที่ผิด มดังที่พระ

พุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เพราะเป็นผู้ที่มีความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) ย่อมทำให้เกิดความคิดที่

ผิด (มิจฉาสังกัปปะ) ดังนั้น การถึงความเป็นบ้า ก็เพราะมีความเห็นผิด มีความเข้าใจพระ

ธรรมที่ผิด จึงเป็นปัจจัยให้เกิดอกุศลจิต-อกุศลธรรมมากมายในจิตใจ จนถึงความเป็นบ้า

ได้ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 5 ส.ค. 2554

พระธรรมจึงเป็นเรื่องละเอียด แม้แต่คำว่าปฏิบัติ ก็ต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า ปฏิบัติคือ

อะไร หากไม่ได้ศึกษาพระธรรมอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็ย่อมสำคัญผิด คิดจะไปปฏิบัติ จะ

นั่งสมาธิ เมื่อเจริญสมาธิที่เป็นมิจฉาสมาธิ อกุศลก็เจริญขึ้น จนถึงความเป็นบ้าได้นั่น

เองครับ ดังนั้น ขอให้เริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจตั้งแต่เบื้องต้นให้ถูกต้อง ว่า

การปฏิบัตินั้น ปัญญารู้อะไร และ ธรรรมคืออะไร เมื่อเข้าใจถูกต้องแม้ขั้นการฟังแล้ว ก็จะไม่ปฏิบัติผิด เพราะในความเป็นจริง ธรรมมีอยู่แล้วในขณะนี้ เช่น เห็น ได้ยินคิดนึก ซึ่งเป็นธรรมที่เป็นจิตและเจตสิกที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน การเข้าใจตัวธรรมที่เรียกว่า

ปฏิบัติ จึงรู้ได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องหาวิธีไปนั่งเพื่อที่จะรู้ ไม่ต้องไปหาธรรม เพราะมี

อยู่แล้ว ขาดแต่เพียงปัญญาที่จะรู้ ดังนั้น หนทางในการเกิดขึ้นของปัญญา จึงไม่ใช่ไป

ปฏิบัติ ไปนั่งสมาธิ แต่เกิดจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริง

ในขณะนี้ ความเข้าใจขั้นการฟังทีละน้อย ย่อมทำให้ถึงการที่สติและปัญญารู้ความจริง

ในขณะนี้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ในขณะนั้น ก็เป็นการปฏิบัติแล้ว เพราะรู้ความจริงของ

สภาพธรรมในขณะนั้นนั่นเอง ครับ เห็นคุณของการฟังพระธรรมให้เข้าใจก่อน ก็จะ

ปฏิบัติถูกต้อง ไม่ต้องถึงความเป็นบ้า ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 5 ส.ค. 2554

ส่วนคำถามที่ว่า ถ้าเขาตายไปเขาจะได้ขึ้นสวรรค์ไหม

หากศึกษาพระธรรมที่ผิด ไม่ถูกต้องอันทำให้เกิดความเห็นผิดและเกิดอกุศลธรรม

มากมาย ถึงความเป็นบ้า หากกรรมคือ ความเห็นผิดทีเกิดจากการศึกษาพระธรรมที่ผิด

ให้ผล คติที่ไปมี 2 อย่างคือ นรกและสัตว์เดรัจฉานครับ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าในชาตินั้น เมื่อ

ก่อนจุติ (ตาย) เกิด กรรมใดจะให้ผล ก็ไม่สามารถกำหนดตายตัวว่ากรรมดี หรือ กรรมชั่ว

ให้ผล หากกรรมดีให้ผลก็เกิดในสุคติภูมิ มีมนุษย์และเทวดา เป็นต้น แต่ถ้ากรรมชั่วให้

ผล ก็มีการเกิดในทุคติภูมิ มีนรก สัตว์เดรัจฉาน เป็นต้นครับ แต่ที่สำคัญตามที่กล่าวมา

ถ้ากรรมคือการปฏิบัติผิด อันเกิดจกาการศึกษาพระธรรมที่ผิดให้ผล ก็ต้องไปในทุคติภูมิ

มีนรก หรือ สัตวเดรัจฉาน เป็นต้นครับ

พระธรรมจึงลึกซึ้ง ผู้ศึกษาต้องละเอียดรอบคอบ ก็จะได้ประโยชน์จากพระธรรม คือ

ความเห็นถูก ครับ โดยจะมีได้ ก็โดยอาศัยการฟังพระธรรมให้เข้าใจ ครับ ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 5 ส.ค. 2554

ในครั้งพุทธกาลก็มี ได้พบพระพุทธเจ้าแล้ว ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ยัง

กลับไปปฏิบัิติผิด เพราะเขาเคยสะสมความเห็นผิดในอดีต และ อีกส่วนหนี่งเป็น

เรื่องของกรรมที่เขาเคยทำไว้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า คนที่ดื่มสุราก็เป็นเหตุ

ให้เป็นบ้าได้ และ การที่จะไปเกิดในสุคติภูมิเป็นมนุษย์ หรือ เกิดเป็นเทวดา เป็น

ผลกุศลกรรมเท่านั้นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
แสงจันทร์
วันที่ 5 ส.ค. 2554

ขอขอบคุณ สำหรับคำตอบ การมีกัลยานิมิตรดีอย่างนี้นี่เอง

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 5 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ชีวิตของแต่ละบุคคลที่ดำเนินไป เป็นความเป็นไปของสภาพธรรม กล่าวคือ จิตเจตสิก รูป เกิดดับอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นแต่เพียงสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ ที่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย แล้วก็ดับไป สำหรับเรื่องปฏิบัติ ในทางพระพุทธศาสนาแล้ว เป็นเรื่องของปัญญา ไม่ใช่เรื่องของความเป็นตัวตน หรือ จดจ้องต้องการแต่อย่างใด ซึ่งต้องเริ่มจากความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่ขั้นต้น คือ ในขั้นของปริยัติ ถ้าไม่มีการฟังไม่มีการศึกษาเลย หรือ ถึงกับมีการปฏิเสธปริยัติ แล้วไปทำด้วยความเป็นตัวตน ด้วยความไม่รู้ อย่างนี้เป็นอันตรายมากเพราะเมื่อเหตุ ไม่รู้ ผลก็คือ ไม่รู้ เพราะฉะนั้น มีตัวอย่างให้เห็นแล้วตามที่คุณแสงจันทร์ได้ยกขึ้นมา เพราะถ้าเป็นปัญญา ย่อมไม่ทำให้ใครเป็นบ้าได้เลยมีแต่ทำให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น แต่ที่บ้า นั้นเป็นเพราะอกุศลธรรม มีความฟุ้งซ่านเป็นต้น นั่นเอง

เมื่อกล่าวถึงบุคคลผู้เป็นบ้า นั้น เป็นเครื่องเตือนให้เกิดการระลึกได้หรือไม่? เป็นเครื่องเตือนให้เป็นผู้ไม่ประมาทได้หรือเปล่า? เพราะถ้าได้ศึกษาพระธรรมมีความเข้าใจไปตามลำดับแล้ว ก็จะทราบว่าขณะที่อกุศลจิตเกิดขึ้นนั้น ประกอบด้วยความไม่รู้ ประกอบด้วยความฟุ้งซ่าน ทุกครั้ง รวมถึงอกุศลเจตสิกอื่นๆ ตามสมควรแก่ประเภทของอกุศลจิตนั้นๆ ด้วย ควรหรือไม่ที่จะเป็นผู้ที่ไม่รู้ต่อไปด้วยการสะสมอกุศลมากขึ้นในชีวิตประจำวัน เพราะเหตุว่าอกุศลธรรม ไม่นำมาซึ่งประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้นเลย ธรรม เป็นเรื่องจริง ตรง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง อกุศล เป็นอกุศล กุศลก็เป็นกุศล และ เมื่อถึงคราวที่กุศลให้ผล ก็ทำให้ได้รับแต่สิ่งที่ดี ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เท่านั้น ไม่มีทางเลยที่กุศล จะให้ผลในทางที่ไม่ดี ส่วนในทางตรงกันข้าม เมื่ออกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้ว ถึงคราวให้ผล ก็ทำให้ได้รับแต่สิ่งที่ไม่น่าปรารถนาประการต่างๆ (ไม่เว้นใครเลย ตามกรรม) ซึ่งไม่มีใครทำให้เลย ถ้าหากว่าไม่ได้กระทำเหตุที่ไม่ดีไว้ ผลที่ไม่ดี ก็ย่อมไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน บุคคลผู้สะสมเหตุที่ดี สะสมกุศลประการต่างๆ อยู่เนืองๆ ไม่ขาดการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม กับ ผู้ที่ประมาทมัวเมา ปฏิบัติผิด เต็มไปด้วยความไม่รู้ เต็มไปด้วยอกุศลธรรมประการต่างๆ ย่อมมีความต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า ตายแล้วจะไปเกิดที่ไหน ขึ้นอยู่กับว่า กรรมใดจะให้ผล กุศลกรรมหรืออกุศลกรรมถ้าเป็นผลของกุศลกรรมแล้ว ก็ทำให้เกิดในสุคติภูมิ แต่ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรม ก็ทำให้เกิดในอบายภูมิ เพราะฉะนั้นแล้ว ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต และไม่ประมาทกำลังของกิเลส พึงเป็นผู้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริง ต่อไป ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
หลานตาจอน
วันที่ 7 ส.ค. 2554
ขอบพระคุณทุกท่าน และขออนุโมทนาบุญครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เดียวดาย
วันที่ 12 ส.ค. 2554

อยากเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ดิฉันว่าธรรมมะช่วยให้คนไม่เป็นบ้ามากกว่า ช่วงหลังมานี้

ดิฉันไม่ได้นั่งสมาธิเลย จนวันหนึ่งดิฉันเจอปัญหาปกติดิฉันเป็นคนที่สู้กับปัญหามาก

แต่ช่วงนั้นไม่ทราบตัวเองเป็นอะไรปัญหาเล็กนิดเดียวก็เครียดจนเอาไม่ลง อยากอยู่คน

เดียว ไม่ทำงานทำการเอาแต่นอนไม่อยากเจอคน 4-5 วันอาบน้ำที ไม่สระผม ใส่เสื้อผ้า

ซ้ำ ตัวเหม็น ร้องไห้ ปวดเบ้าตา ปวดทายทอย หมกตัวอยู่แต่ในห้อง เวลามีใครเข้ามาใน

ห้องอยากจะไล่พวกเขาออกไปไกลๆ ดิฉันลองปรึกษาจิตแพทย์ทางอินเตอร์เน็ต

จิตแพทย์ก็ดีนะค่ะ แต่เหมือนจะทุกข์มากกว่าเดิม เพราะเราขุดความรู้สึกมาอธิบายให้คน

ไม่รู้จักฟัง เพราะอยากให้เขาเข้าใจ แต่ดูเหมือนเขาไม่เข้าใจ คิดซ้ำไปซ้ำมา ช่วงนั้น

ดิฉันทุกข์มาก และไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ดิฉันพยายามเจริญสติ ให้มากที่สุด แผ่

เมตตาให้ตัวเอง ดูเหมือนคนที่ทะเลาะกับตัวเอง แต่สุดท้ายก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

ตอนหลังดิฉันบังเอิญไปอ่านบทความจิตวิทยา อาการของตัวเองดูคล้ายกับอาการเริ่ม

ต้นของโรคจิตเภทมาก กลับไปถามหมออีกที หมอบอกว่าดิฉันไม่เป็นไร

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ