คำสอนที่บิดเบือน

 
samroang69
วันที่  18 มิ.ย. 2554
หมายเลข  18580
อ่าน  3,177

อยากทราบว่าการที่คำสอนที่ถูกบิดเบือนจากผูัรู้ที่รู้ไม่จริง เช่น ที่เป็นเกจิได้สอนโดยที่เอา

ความเข้าใจของตนใสลงไปด้วยนั้น จากพระที่ยังเป็นปุถุชน หรือผู้ที่ไม่รู้ทั่วถึงธรรมในประ

เดนนี้นั้น อยากทราบว่า ในพระไตรปิฏกนั้น ที่เราได้รับสืบทอดกันทานั้นจะถูกบิดเบือนได้

หรือไม่ครับ แล้วในอนาคตละจะมีโอกาศที่คำสอนถูกบิดเบือนหรือไม่ครับ อย่างภิกษุกปิละ

ที่กลับชาติมาเกิดเป็นปลาทองด้วยเหตุที่บิดเบือนคำสอน แล้วพระไตรปิฏกจะถูกบิดเบือน

ด้วยหรือไม่ แล้วเราจะยึดถึออะไรดีที่จะเป็นแบบอย่างที่ถุูกต้องครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 มิ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระไตรปิกเหมือนกัน อ่านข้อความเดียวกัน ความเข้าใจก็เข้าใจต่างกันไปได้ครับ

ตามการสะสม ตามความเข้าใจที่สะสมความเข้าใจถูกหรือผิดมา ครับ ดังนั้นพระธรรม

จึงเปลี่ยนแปลงไปตามความเข้าใจที่ผิดครับ จนในที่สุดก็ทำให้พระศาสนาอันตรธาน

เพราะไม่มีผู้เข้าใจพระธรรม แม้มีตัวอักษร มีพระธรรมก็ตามครับ ดังนั้นพระศาสนาจึง

เสื่อมไปจากใจของคนที่ไม่เข้าใจธรรม ซึ่งในพระไตรปิฎกแสดงว่า เป็นสัทธรรม

ปฏิรูป คือพระธรรมที่ผิด ตีความผิดเกิดขึ้น ก็เป็นธรรมที่ปฏิรูปขึ้นจากบุคคลที่มีความ

เข้าใจผิดนั่นเองครับ พระธรรมที่ถูกต้องก็จะค่อยๆ เลือนหายไปจากใจของคน เพราะ

เข้าใจในสิ่งที่ผิด เป็นสิ่งที่ถูกนั่นเองครับ ทองเทียมยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด

ทองคำแท้ก็ยังอยู่ แต่เมื่อใดทองเทียมเกิดขึ้นในโลก ทองแท้ก็ค่อยๆ เลือนหาย คือ

เลือนหายว่าเป็นทองแท้เป็นทองจริง ทองเทียมก็มากขึ้น และเข้าใจทองเทียมว่าเป็น

ทองแท้และย่อมสำคัญผิดได้ว่าทองแท้เป็นทองเทียมเพราะความเข้าใจผิดครับ เช่น

เดียวกับพระสัทธรรม เมื่อมีความเห็นผิด เข้าใจผิดในพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงก็

จะทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไปจากใจของพุทธบริษัทที่เข้าใจผิดตามความเห็นผิด

ความเข้าใจผิดครับ ดังเช่น กปิละภิกษุในสมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะที่เข้าใจธรรมผิดก็

ย่อมทำให้พระศาสนาเสื่อมไปในที่สุดครับ เช่นเดียวกับ กลอง เมื่อกลองแตกก็เอา

หนังอื่นมาปิด เปลี่ยนโครงกลองบ้าง จนโครงเก่าหายไปหมด ฉันใด เมื่อมีการเข้าใจ

ผิด ความเห็นผิดมีมากขึ้นก็ค่อยๆ แทนความเห็นถูกในที่สุดครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 19 มิ.ย. 2554

ดังนั้นพระธรรมจึงถูกบิดเบือนไปตามความเข้าใจที่ผิดของพุทธบริษัท ดังนั้นการ

จะยึดถือความถูกต้อง ก็ต้องศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบ ด้วยความสอคล้องทั้ง

3 ปิฎกพิจารณาในสิ่งที่ไดฟัง ซึ่งพระธรรมใดที่แสดงให้เบื่อหน่าย คลายกำหนัดจาก

กิเลสด้วยหนทางที่ถูกต้อง คือ เข้าใจความจริงของสภาพธรรม ก็ย่อมเป็นพระธรรม

ของพระพุทธเจ้าครับ ที่สำคัญที่สุดก็เป็นเรื่องของการสะสมมาของบุคคลนั้นด้วยว่า

สะสมความเห็นถูกมาหรือสะสมความเห็นผิดมาครับ เพราะใจก็ย่อมน้อมไปตามการ

สะสมในสิ่งที่สะสมมา แม้จะได้ฟังในสิ่งที่ถูกหรือผิดก็ตาม เพราะฉะนั้นก็ต้องอาศัย

ปัจจัยภายนอก คือ กัลยาณมิตร ผู้มีปัญญา และปัจจัยภายในคือ โยนิโสมนสิการ การ

พิจารณาที่ถูกต้องย่อมทำให้เป็นผู้พิจารณาในสิ่งที่ได้ฟัง ด้วยความเห็นถูกครับ ความ

เสื่อมไปจึงเป็นเรื่องธรรมดาในทุกสิ่งครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 19 มิ.ย. 2554

การไม่เคารพ ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และการไม่ศึกษาพระธรรม หรือ

ศึกษาแล้ว ไม่น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมและวินัย ก็เป็นเหตุให้พระสัทธรรม

เลือนหายค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ลุงหมาน
วันที่ 20 มิ.ย. 2554

อนุโมทนาครับ ตามเข้ามาอ่านหาความรู้จากทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วิริยะ
วันที่ 20 มิ.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
พรรณี
วันที่ 20 มิ.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

ดิฉันคิดว่าการสะสมอุปนิสัยของแต่ละบุคคลช่างแตกต่างกันอย่างน่าอัศจรรย์จริงๆ เรา

ไม่อาจรู้ว่าผู้ใดสะสมอะไรมาบ้างตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในชาตินี้ ถึงได้มีภูมิปัญญาที่

หลากหลายไม่คล้ายกันเลยสักคน ดังที่ท่านอาจารย์สุจินต์ ได้กล่าวไว้ ดิฉันเห็นด้วย

จริงๆ ดังนั้นถ้าใครได้ฟังพระธรรมให้เกิดความเข้าใจ เสียก่อนในเบื้องต้นว่าฟังพระ

ธรรมเพื่ออะไร? ซึ่งคำตอบก็มีอยู่แล้วในการบรรยายธรรมะจากท่านอาจารย์และคณะ

วิทยากรจากมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ซึ่งท่านได้กล่าวย้ำอยู่เสมอ นับ

ว่าเป็นโชคสำหรับผู้ฟังเป็นอย่างมากที่สามารถได้ยินได้ฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์

ที่ท่านได้อัดเทปไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งไม่ต่างไปจากคำบรรยายในปัจจุบันนี้เลย

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Thirachat.P
วันที่ 21 มิ.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wirat.k
วันที่ 26 มิ.ย. 2554
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
พุทธรักษา
วันที่ 28 มิ.ย. 2554

"พระธรรม" ไม่ได้หายไปไหนแต่ในยุคนี้ เป็นยุคที่พระธรรมคำสอนกำลังค่อยๆ เสื่อมไปจาก"ความเข้าใจของผู้คน"ทุกการกระทำ และ กิจกรรม ที่ส่องให้เห็นถึงความเสื่อมในลักษณะต่างๆ มาจาก "ความไม่เข้าใจพระธรรม"
สำคัญที่ "ความเข้าใจพระธรรม" การศึกษาพระธรรม เพื่อ ขัดเกลากิเลส อย่างมีเหตุผล พระพุทธเจ้า ไม่ได้สอนให้เชื่อตามๆ กันไป โดยไม่มีเหตุผล.
ในยุคนี้...ยังมีผู้ที่ศึกษาพระธรรมเข้าใจยังมี "กัลยาณมิตร"ขึ้นอยู่กับเราเอง ว่า จะคบ "กัลยาณมิตร" หรือไม่.!
................................................
(ขออัญเชิญพระพุทธพจน์) .
.
.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ภิกษุทั้งหลายเมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่ ย่อมมีแสงอรุณขึ้นมาก่อน เป็นบุพนิมิต ฉันใด.
ความมี กัลยาณมิตร ก็เป็นตัวนำ เป็นบุพนิมิตเป็นการเกิดขึ้น ของอารยอัษฎางคิกมรรค (ทางดับทุกข์) แก่ภิกษุ ฉันนั้น.
ความมีกัลยาณมิตร

เท่ากับเป็นพรหมจรรย์ (การครองชีวิตประเสริฐ) ทั้งหมดทีเดียว.
ฯลฯ
........................................................
ข้อความบางตอนจากกระดานสนทนา
v
v
v
กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์ กัลยาณมิตร...บรรณาการที่ประเสริฐที่สุด จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นกัลยาณมิตร !
.
.....................ขออนุโมทนา...................

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ