ปัญญาในการพิจารณาเห็นความแปรปรวนแห่งธรรม [อุทยัพพยญาณ]

 
เมตตา
วันที่  30 พ.ย. 2552
หมายเลข  14388
อ่าน  1,602

[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ 54

ปัญญาในการพิจารณาเห็นความแปรปรวนแห่งธรรม ส่วนปัจจุบัน เป็นอุทยัพพยญาณ

อรรถกถาอุทยัพพยานุปัสสนาญาณุทเทส ว่าด้วย อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ

คำว่า ปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ วิปริณามานุปสฺสเน ปญฺญา ความว่า ปัญญาในการเห็นความแปรไป คือ ความดับไปแห่งธรรมคือเบญจขันธ์ ในภายในที่เป็นปัจจุบันด้วยอำนาจสันตติ. จิตแม้กำหนดความเกิดขึ้นว่า ธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ครั้นเกิดขึ้นแล้วก็ย่อมดับไปดังนี้ ก็ชื่อว่าตั้งอยู่ในความแตกดับไปเหมือนกัน เพราะฉะนั้น พึงทราบว่า การเกิดขึ้นแม้ไม่ได้กล่าวไว้แล้ว ก็เป็นอันกล่าวไว้เหมือนกัน.อีกอย่างหนึ่ง การเกิดขึ้นแห่งปัจจุบันธรรมทั้งหลาย ย่อมเป็นอันกล่าวแล้วด้วยทัสนะ เพราะสำเร็จการเห็นความเกิดขึ้น.
จริงอยู่ เว้นอุทยะ คือ การเกิดขึ้นเสีย ความเกิดขึ้นแห่งธรรมทั้งหลาย ก็ย่อมไม่สำเร็จ, เพราะฉะนั้น แม้เมื่อไม่กล่าวว่า ปัญญาในการตามเห็นความเกิดขึ้น และความแปรไปแห่งปัจจุบันธรรมทั้งหลายก็พึงทราบว่า เป็นอันกล่าวแล้วเหมือนกัน. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ ย่อมเกิดแก่พระโยคีบุคคลผู้บรรลุสัมมสนญาณ ตามที่กล่าวแล้วในลำดับว่า ก็การเห็นความเกิดขึ้นย่อมสำเร็จ เพราะคำนั้นกำหนดตามพระบาลีว่า อุทยพฺพยานุปสฺสเนญาณํ แปลว่า ปัญญาในการตามเห็นการเกิดและความดับไป ดังนี้แล้ว ก็กำหนดการเกิดขึ้นและความดับไปในสังขารธรรมที่กำลังปรากฏในสัมมสนญาณนั่นเอง แล้วปรารภอุทยัพพยานุปัสสนาเพื่อทำการกำหนดสังขารธรรมทั้งหลาย. เพราะว่าญาณนั้น ท่านเรียกว่า อุทยัพพยานุปัสสนา เพราะตามเห็นความเกิดและความดับ.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 24 พ.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
sumek
วันที่ 9 มี.ค. 2563

ถ้าภาวนามาถึงญาณที่ ๔ นี้ทำให้ละคลายความเป็นสัตว์บุคคลได้ในระดับไหนครับ

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 12 มี.ค. 2563
อ้างอิงจาก ความคิดเห็นที่ 2 โดย sumek

ถ้าภาวนามาถึงญาณที่ ๔ นี้ทำให้ละคลายความเป็นสัตว์บุคคลได้ในระดับไหนครับ

กราบอนุโมทนาครับ

ภาวนา เป็นการอบรมเจริญปัญญาให้เจริญขึ้น ซึ่งมีรากฐานที่สำคัญมาจากการฟังเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่การไปทำอะไรด้วยความไม่รู้

วิปัสสนาญาณแต่ละขั้น ก็ขัดเกลาละคลายความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนเป็นสัตว์เป็นบุคคล ตามควรแก่วิปัสสนาญาณขั้นนั้นๆ เป็นปัญญาที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน จนกว่าจะดับความเห็นผิดได้เมื่อมรรคญาณ เกิดขึ้นเป็นไป

คำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่กล่าวถึงวิปัสสนาญาณขั้นที่ ๔ มีดังนี้

วิปัสสนาญาณที่ ๔ -- อุทยัพพยญาณ

แม้ว่าวิปัสสนาญาณที่ ๓ จะประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปสืบต่อกันของนามธรรมและรูปธรรมอย่างรวดเร็วแล้วก็ตาม แม้กระนั้น ปัญญาก็ยังไม่ละเอียดพอ ที่จะละคลาย หรือ เห็นโทษของการเกิดขึ้นและดับไปของนามธรรมและรูปธรรม เพราะการเกิดขึ้นสืบต่อการดับไปนั้น เร็วจนปิดบังโทษของการเกิดดับ ปัญญาจะต้องสมบูรณ์ถึงขั้นต่อไป ที่แทงตลอดการเกิดขึ้นและดับไปของนามธรรมและรูปธรรมแต่ละประเภทชัดเจนยิ่งขึ้นอีก ซึ่งไม่มีใครจะพากเพียรทำอย่างอื่นได้ นอกจากพิจารณาลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมต่อไป โดยไม่หวั่นไหว โดยทั่วไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมนามธรรมประเภทใด กุศลธรรม อกุศลธรรมขั้นใด ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
วิปัสสนาญาณขั้นที่ ๔ ซึ่งเป็น อุทยัพพยญาณนั้น ประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของนามธรรมและรูปธรรมแต่ละประเภทอย่างชัดเจนยิ่ง ซึ่งอุทยัพพยญาณจะเกิดขึ้นได้เมื่อ ตีรณปริญญา คือ ปัญญาที่พิจารณาลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมได้ทั่วทั้ง ๖ ทางถึงความสมบูรณ์แล้ว ตราบใดที่สติปัฏฐานยังไม่ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมได้ชัดเจน ทั่วทั้ง ๖ ทวารอุทยัพพยญาณก็ไม่มีปัจจัยที่จะเกิดได้เลย ผู้ที่อบรมเจริญอริยมรรค คือ สัมมามรรคที่ถูกต้องจึงรู้ว่าไม่มีทางที่จะรู้แจ้งสภาพของพระนิพพานซึ่งเป็นธรรมที่ดับกิเลสได้เลย ถ้าไม่อบรมเจริญปัญญา รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปกติตามความเป็นจริงก่อน การที่จะรู้แจ้งสภาพของพระนิพพาน โดยปัญญาไม่พิจารณารู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมทั้ง ๖ ทวาร โดยทั่วโดยละเอียดนั้น เป็นไปไม่ได้เลยเพราะถ้าไม่รู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมทั่วจริงๆ ก็ไม่รู้ว่า....นามธรรมและรูปธรรมแต่ละลักษณะนั้นต่างกันอย่างไร เมื่อไม่ประจักษ์ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่ต่างกันทั้ง ๖ ทวาร ก็ประจักษ์แจ้งการเกิดขึ้นและดับไปของนาม-ธรรมและรูปธรรมไม่ได้ เมื่อไม่ประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของนามธรรมและรูปธรรมก็จะดับความไม่รู้ ความสงสัยและความเห็นผิดในสภาพธรรมไม่ได้เลย

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เมตตา
วันที่ 13 มี.ค. 2563

..กราบอนุโมทนา อ.คำปั่น ด้วยค่ะ..

ถ้าภาวนามาถึงญาณที่ ๔ นี้ทำให้ละคลายความเป็นสัตว์บุคคลได้ในระดับไหนครับ

กราบอนุโมทนาครับ

ปัญญาเมื่อค่อยๆ ​อบรมเจริญขึ้นตามลำดับ จนถึงอุทยัพพยญาณเป็นปัญญาที่เห็นการเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรมขณะนั้น ก็ย่อมมีกำลังละคลายความเป็นสัตว์​ บุคคลได้มากเพิ่มขึ้นจากปัญญาขั้นการเริ่มฟัง ​เริ่มค่อยๆ ​เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ​ ซึ่งเป็นปัญญาที่ค่อยๆ ​ละความไม่รู้ในสภาพธรรมที่กำลังมี​ กำลังปรากฏขณะนั้น​ เพราะความไม่รู้จึงยึดสภาพธรรมว่าเป็นเรา​ เป็นสัตว์​เป็นบุคคลเป็นสิ่งต่างๆ ​​ที่เที่ยง ดังนั้น ในเบื้องต้นในการศึกษาพระธรรมเริ่มจากการฟังให้เข้าใจความจริงที่กำลังมี​ ขณะนี้​ เดี๋ยวนี้ ​ซึ่งเป็นการรอบรู้ในปริยัติ​ รอบรู้ในสิ่งที่มีจริงๆ ​ ที่กำลังปรากฏ​ เมื่อมีความเข้าใจที่มั่นคงในสภาพธรรมที่กำลังมีขณะนั้น ย่อมเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นปฏิปัตติเกิดขึ้นโดยความเป็นอนัตตา​ ไม่มีตัวเราไปทำให้สติเกิดระลึกรู้สภาพธรรมได้เลย​ แต่เป็นปัญญาที่ค่อยๆ ​อบรมจากขั้นการฟังค่ะ​ และปัญญาขั้นปฏิปัต​ติ​เป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นวิปัสสนาเกิดค่อยๆ ​ละคลายความเป็นสัตว์บุคคล จนกว่าโสดาปัตติมรรคจิตเกิดขึ้น​ จึง​ดับความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา​ เป็นสัตว์​ เป็นบุคคลได้เป็นสมุทจฉท ค่ะ

ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มมได้ที่..

ปริยัติกับปฏิบัติ

ขอเชิญคลิกฟังได้ที่...

การศึกษาธรรมะเพื่ออะไร

ธรรมะ ปรมัตถธรรม อภิธรรม

ที่โลกวุ่นวายเพราะมีความเป็นเรา มีความเป็นเขา

..กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ..

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Nataya
วันที่ 13 มี.ค. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ