นามธรรมและรูปธรรมต่างเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน

 
พุทธรักษา
วันที่  11 พ.ย. 2552
หมายเลข  14213
อ่าน  1,211

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ท่านผู้ฟังจะเห็นได้ว่า สภาพธรรมทั้งหลาย ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคลไม่ใช่ตัวตน และสภาพธรรมซึ่งเป็นปรมัตถธรรม ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เป็นจริง ก็เป็นสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมบ้าง เป็นรูปธรรมบ้างแต่ว่าสภาพธรรมที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนามธรรมหรือเป็นรูปธรรมก็ตามอาศัยกันและกันเกิดขึ้น โดยปัจจัยใด ปัจจัยหนึ่ง สภาพธรรมที่เกิดแล้วจะไม่เป็นปัจจัยให้สภาพธรรมอื่นเกิด ไม่มี และสภาพธรรมใดก็ตาม ที่เกิดแล้ว จะเกิดโดยปราศจากปัจจัยที่จะทำให้เกิดขึ้น ก็ไม่มี

เพราะฉะนั้นนามธรรม และ รูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่ต่างกันก็จริง แต่ว่า อาศัยกันและกันเกิดขึ้น เป็นไปโดยสภาพของลักษณะของธรรมนั้นๆ ซึ่งถ้าศึกษาโดยละเอียด จะเห็นได้ว่า ขณะจิตหนึ่งๆ ซึ่งเกิดขึ้นนั้นจะมีปัจจัยหลายประการ ที่ทำให้เกิดขึ้น เช่น เหตุ-ปัจจัย ที่ได้เคยกล่าวถึงแล้ว ได้แก่เจตสิก ๖ ประเภทคือ อกุศลเหตุ ๓ ได้แก่ โลภเจตสิก ๑ โทสเจตสิก ๑ โมหเจตสิก ๑ และ โสภณเหตุ ๓ ได้แก่ อโลภเจตสิก ๑ โทสเจตสิก ๑ โมหเจตสิก ๑ ขณะที่เกิดโลภะ คือ ความติดข้องต้องการ ขณะนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะโลภะเท่านั้นแต่มีเจตสิกอื่นๆ เกิดร่วมด้วยหลายประเภท ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่า โลภเจตสิก ที่เกิดขึ้นนั่นเอง เป็นปัจจัยให้สภาพธรรมอื่น เกิดร่วมด้วย โลภเจตสิก จึงเป็นปัจจัยให้โลภมูลจิตเกิดขึ้น และเป็นปัจจัยให้อกุศลเจตสิกอื่นๆ เกิดร่วมด้วย เช่น ทำให้ความเห็นผิด คือ ทิฏฐิเจตสิก เกิดร่วมด้วยก็ได้ หรือว่าทำให้ความสำคัญตน (มานะเจตสิก) เกิดร่วมด้วยก็ได้ (เป็นต้น) นอกจากนั้น ขณะที่โลภเจตสิกเกิดกับโลภมูลจิต และเจตสิกอื่นๆ ซึ่งเป็นสัมปยุตตธรรมที่เกิดขึ้นพร้อมกันแล้วยังเป็นปัจจัยให้ รูป (บางประเภท) เกิดขึ้นได้ด้วย.

นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ทั้งนามธรรมและรูปธรรม ที่เกิดขึ้นและเป็นไป ตามปกติในชีวิตประจำวัน แต่ละขณะซึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็วนั้นเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน ถ้าทราบถึงความละเอียด ว่า สภาพธรรมหนึ่ง สภาพธรรมใดเกิดขึ้นโดยอาศัยสภาพธรรมใดเป็นปัจจัยแล้ว จะทำให้เห็น “ความเป็นอนัตตา” จริงๆ ซึ่งแม้ว่าเป็นสภาพธรรมที่เกิดดับอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องอาศัยปัจจัยหลายปัจจัยสภาพธรรมนั้น จึงจะเกิดขึ้นได้.

ข้อความบางตอนจากเทปชุด ปัฏฐาน (ปัจจัย ๒๔) ตอนที่ ๑

โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์.

... ขออนุโมทนา ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wannee.s
วันที่ 11 พ.ย. 2552

เห็นภาพพระพุทธเจ้าปรินิพพาน เป็นเครื่องหมายเตือนให้รู้ว่า สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง ควรทำความดี ควรสะสมปัญญา จนกว่าจะสิ้นอาสวะกิเลสค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 12 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ups
วันที่ 12 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Komsan
วันที่ 12 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
คุณ
วันที่ 14 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
รวส
วันที่ 14 พ.ย. 2552

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
bsomsuda
วันที่ 14 ม.ค. 2553

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ