ผู้ข้ามโอฆะแล้ว [กติฉินทิสูตร]

 
พุทธรักษา
วันที่  14 ต.ค. 2552
หมายเลข  13957
อ่าน  1,911

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้าที่ 52-54

กติฉินทิสูตร

[๑๑] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยคาถานี้ว่า บุคคลควรตัดเท่าไร ควรละเท่าไร ควรบำเพ็ญคุณอันยิ่งเท่าไร ภิกษุล่วงธรรมเครื่องข้องเท่าไร พระองค์จึงตรัสว่า เป็นผู้ข้ามโอฆะแล้ว

[๑๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า บุคคลควรตัดสังโยชน์ เป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ อย่าง ควรละสังโยชน์ เป็นส่วนเบื้องบน ๕ อย่างควรบำเพ็ญอินทรีย์อันยิ่ง ๕ อย่างภิกษุ ล่วงธรรมเป็นเครื่องข้อง ๕ อย่าง เรากล่าวว่า เป็นผู้ข้ามโอฆะแล้ว

อรรถกถา กติฉินทิสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ ๕ ต่อไป :-

บทว่า กติ ฉินฺเท ได้แก่ บุคคลเมื่อตัดควรตัดเท่าไร แม้ในบทที่เหลือก็นัยนี้

ก็ในบทว่า ฉินฺเท ชเห นี้ว่าโดยอรรถเป็นอย่างเดียวกัน เทวดานี้เมื่อเว้นถ้อยคำที่ซ้ำๆ ก็เพื่อเป็นประโยชน์แก่การประพันธ์คาถาจึงได้กล่าวแล้วอย่างนี้

บทว่า กติ สงฺคาติโต แปลว่า ภิกษุก้าวล่วงธรรมอันเป็นเครื่องข้องเท่าไร. พระบาลีว่า สงฺคาติโต บ้าง มีเนื้อความอย่างนี้เหมือนกัน

บทว่า ปญฺจ ฉินฺเท ได้แก่ เมื่อตัดควรตัดโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ อย่าง

บทว่า ปญฺจ ชเห ได้แก่เมื่อละ ควรละ อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ อย่าง การตัด และการละแม้ในที่นี้ เมื่อว่าโดยอรรถ ก็เป็นอย่างเดียวกันแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้ก็เพราะให้เหมาะสมกับถ้อยคำอันเทวดาอ้างมา

อีกอย่างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมตรัสว่าโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ เป็นเครื่องฉุดคร่า ให้ตกไปในเบื้องต่ำเหมือนกับก้อนหินที่เขาผูกเท้าไว้จะพึงตัดสังโยชน์นั้นได้ ด้วยพระอนาคามิมรรค ดังนี้ และตรัสว่า อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ซึ่งฉุดคร่าไว้เบื้องบนเหมือนกับกิ่งไม้ ที่บุคคลใช้มือจับไว้จะพึงละสังโยชน์นั้นได้ด้วยพระอรหัตมรรค ดังนี้

บทว่า ปญฺจ จุตฺตริภาวเย ความว่า เมื่อเจริญคุณวิเศษให้ยิ่ง คือให้มากกว่าเพื่อต้องการตัด และเพื่อต้องการละสังโยชน์เหล่านั้นควรเจริญอินทรีย์ทั้งหลาย มีศรัทธาเป็นที่ ๕

บทว่า ปญฺจสงฺคาติโต ความว่า ก้าวล่วงแล้ว ซึ่งธรรมเป็นเครื่องข้อง ๕ เหล่านี้ คือ เครื่องข้อง คือราคะ เครื่องข้อง คือโทสะ เครื่องข้อง คือโมหะเครื่องข้อง คือมานะ เครื่องข้อง คือทิฏฐิ.

บทว่า โอฆติณฺโณติ วุจฺจติ เขากล่าวว่า ข้ามโอฆะทั้ง ๕ ได้แล้วแต่ในพระคาถานี้ กล่าวถึง อินทรีย์ ๕ ซึ่งเป็นทั้ง โลกิยะ และ โลกุตตระ ดังนี้แล

จบ อรรถกถากติฉินทิสูตร ที่ ๕

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่และ สรรพสัตว์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
พุทธรักษา
วันที่ 14 ต.ค. 2552

ขอความกรุณาอธิบายข้อความต่อไปนี้ด้วยค่ะ

๑. โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ อย่าง

๒. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ อย่าง

๓. ควรเจริญอินทรีย์ทั้งหลาย มีศรัทธาเป็นที่ ๕

๔. แต่ในพระคาถานี้ กล่าวถึง อินทรีย์ ๕ ซึ่งเป็นทั้ง โลกิยะ และ โลกุตตระ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
prachern.s
วันที่ 14 ต.ค. 2552

เรื่องสังโยชน์ขอเชิญคลิกที่

สังโยชน์ ๑๐ ประการ [สังโยชนสูตร]

เรื่องอินทรีย์ขอเชิญคลิกที่

อินทรีย์ ๕

อินทรีย์ ๕ ที่เกิดร่วมกับโลกียจิต เป็นโลกิยะ

อินทรีย์ ๕ ที่เกิดร่วมกับโลกุตตรจิต เป็นโลกุตตระ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 14 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
suwit02
วันที่ 16 ต.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 4 ก.ค. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 1 ธ.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ