สติปัฎฐานเจริญได้ทุกที่ทุกเวลา

 
เมตตา
วันที่  7 มิ.ย. 2552
หมายเลข  12588
อ่าน  1,233

ในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะอยู่สถานที่ใดก็ตาม ทุกๆ ขณะมีสภาพธรรมปรากฎเกิดขึ้นและดับไปอยู่ตลอดเวลา ผู้ที่อบรมเจริญปัญญารู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริงไม่ว่าขณะทำงาน ขณะขับรถ ขณะไปงานเลี้ยง หรือแม้ขณะทำครัว สติสามารถ

ระลึกรู้ได้ทุกๆ ขณะเมื่อเหตุปัจจัยพร้อมคือมีความเข้าใจในสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ

ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่เป็นเหตุปัจจัยให้สติปัฎฐานเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่สถานที่ใดและ

ขณะใดก็ตาม

ขอเชิญอ่านข้อความโดยตรงจากพระไตรปิฎก

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้าที่ 8

อรรถกถาอัญญตราเถรีคาถา

อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อเธอหุงหาอาหารอยู่ในครัวใหญ่ เปลวไฟใหญ่ได้ตั้งขึ้น เปลวไฟนั้นทำให้ภาชนะที่สิ้นเกิดเสียงเปรี๊ยะๆ เธอเห็นดังนั้นจึงยึดข้อนั้นแหละเป็นอารมณ์ใคร่ครวญความไม่เที่ยงที่ปรากฏขึ้นอย่างดียิ่ง จากนั้นได้ยกความเป็นอนิจจัง ทุก-ขัง อนัตตาขึ้นในครัวนั้น เจริญวิปัสสนา ขวนขวายโดยลำดับ ได้ดำรงอยู่ในอนาคามิผลตามลำดับแห่งมรรค


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 7 มิ.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ปรกติในชีวิตประจำวัน อกุศลเกิดบ่อยมาก อกุศลไม่เลือกสถานที่เกิด ไม่เลือก

อิริยาบถเพราะได้สะสมอกุศลมามากจนมีกำลัง อันเป็นปัจจัยให้อกุศลเกิดได้ทุกที่

ทุกเวลาฉันใด การอบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้ความจริงของสภาพธรรมก็เช่นกัน สามารถ

รู้ได้ทุกที่ ทุกเวลาเพราะว่าสภาพธรรมที่มีจริง มีอยู่แล้วในชีวิตประจำวันไม่เปลี่ยนไป

ไหน แต่ขาดเพียงสติและปัญญาที่ไม่รู้ในสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้เท่านั้น ซึ่งการ

ศึกษาการฟังพระธรรมย่อมเป็นปัจจัยให้สติและปัญญาจากที่ไม่เคยมี มีขึ้น เมื่อความ

เข้าใจเจริญขึ้นจนมีกำลังเหมือนอกุศลที่เสพคุ้นจนมีกำลังแล้ว สติและปัญญาก็เกิดขึ้น

ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมได้ทุกที่ ทุกเวลาเพราะสติและปัญญามีกำลัง ที่สำคัญ

สภาพธรรมเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไมได้ แม้สติและปัญญาก็เช่นกัน จึงแล้วแต่ว่าเมื่อ

เหตุปัจจัยพร้อมสติและปัญญาจึงเกิดขึ้นเองและก็สามารถบรรลุธรรมได้ในที่ทุกสถาน

ดังเรื่องราวในพระไตรปิฏก ซึ่งเป็นคนเล่นศิลปะเป็นนักกายกรรม เมื่อพระพุทธเจ้า

แสดงธรรม ขณะที่กำลังเล่นกายกรรม ยืนอยู่บนแป้นที่เล่น ฟังธรรมได้บรรลุเป็นพระ-

อรหันต์ทันทีครับ สติจึงจำปรารถนาในที่ทั้งปวง ขออนุโมทนา เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่.......พระอุคคเสน [เรื่องบุตรเศรษฐีชื่ออุคคเสน] อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 7 มิ.ย. 2552

ถ้าเป็นดิฉันคงต้องรีบดับไฟก่อนด้วยความตกใจ

เพราะเหตุปัจจัยที่สะสมมา.....ยังไม่พอ.....ที่จะให้สติปัฏฐาน

(และวิปัสสนาญาณ) เกิดได้ไวถึงเพียงนั้นค่ะ

จริงค่ะ......ธรรมมีอยู่ทุกที่.....ทุกเวลา

แต่ปัญญา.....มีรึยัง?

(-_-"

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 7 มิ.ย. 2552

ในพระไตรปิฏกก็มีแสดงไว้หลายเรื่อง เช่น พระอานนท์ปรารภความเพียรอย่างมากแต่ก็

ไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์ ท่านก็คิดจะพักจึงเอนกายลง ขณะที่ศรีษะยังไม่ถึงเตียงเท้ายัง

ไม่พ้นจากพื้นท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ค่ะ อีกตัวอย่างหนึ่ง ท่านพระพาหิยะท่าน

ฟังธรรมระหว่างถนนก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ท่านพระพาหิยะเป็นผู้เลิศด้านบรรลุเร็วค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
suwit02
วันที่ 7 มิ.ย. 2552

พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี ให้นางบรรพชาอุปสมบทแล้ว นำไปวิหารแสดงแก่พระศาสดา

เมื่อจะทำอารมณ์ที่เห็นตามปกตินั่นเองให้แจ่มแจ้งแก่นาง ตรัสพระคาถานี้ว่า

ดูก่อนเถรี เธอจงเอาท่อนผ้าทำจีวรนุ่งห่มแล้วพักผ่อนให้สบายเถิด

เพราะราคะของเธอสงบแล้วเหมือนผักดองแห้งอยู่ในหม้อ.

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ปริศนา
วันที่ 7 มิ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 8 มิ.ย. 2552

เพราะธรรมะปรากฎทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เป็นปกติ

เมื่อสติปัฏฐานเกิดตามเหตุปัจจัย จึงรู้ได้เป็นปกติ

ไม่ต้องไปแสวงหา หรีอเลือกอารมณ์ เพราะเป็นอนัตตา

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Sam
วันที่ 8 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
khampan.a
วันที่ 8 มิ.ย. 2552
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
hadezz
วันที่ 15 มิ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pamali
วันที่ 23 ต.ค. 2553

ขอบตุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ