จิตดูจิต

 
เมตตา
วันที่  17 เม.ย. 2552
หมายเลข  11978
อ่าน  1,479

การศึกษาพระธรรมก็เพื่อให้เข้าใจในลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฎอยู่ในขณะนี้

การฟังพระธรรมควรพิจารณาให้ละเอียด เพื่อความเข้าใจพระธรรมให้ถูกต้อง จึงจะเป็นปัจจัยให้สังขารขันธ์ปรุงแต่งให้สติเกิดระลึกรู้สิ่งที่กำลังปรากฎตรงตามความเป็นจริงไม่ว่าทางตา ทางหู..... เมื่อปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้นจนสามารถระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฎทางทวารต่างๆ ว่าเป็นเพียงนามธรรม และรูปธรรมเท่านั้นและสามารถระลึกรู้ลักษณะของจิตที่ติดข้อง หรือที่กำลังโกรธ ในขณะที่ระลึกขณะนั้นก็เป็นอนัตตาไม่ใช่ สัตว์ บุคคล ตัวตนใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น จิตดูจิต จึงเป็นปัญญาที่รู้ในลักษณะสภาพของจิตที่ติดข้อง หรือของจิตที่โกรธ ซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ จิตดูจิตจึงไม่ใช่ความคิดนึกถึงเรื่องราว.....

ขออนุโมทนาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 18 เม.ย. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
deedee
วันที่ 18 เม.ย. 2552

อนุโมทนาด้วยค่ะ พี่เมตตา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 19 เม.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

จิตดูจิตจึงไม่ใช่ตัวตนที่คิดนึกตามดูจิตว่าจิตกำลังโกรธ จิตโลภะ แต่เป็นการรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมขณะที่กำลังเกิดขึ้นโดยปัญญารู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ซึ่งมีลักษณะให้รู้ว่าเป็นธรรม จึงไม่ใช่การตามดูจิตซึ่งเป็นการคิดนึกถึงสภาพธรรมต่างจากการรู้ตัวธรรมที่มีลักษณะให้รู้โดยไม่ใช่การคิดนึกเลยครับ

ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 20 เม.ย. 2552
จิตจะดูจิตได้ต้องเป็นสติปัฏฐานในขณะนั้น ไม่ใช่การนึกคิด...
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 20 เม.ย. 2552
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
sukchit
วันที่ 26 เม.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nida
วันที่ 26 เม.ย. 2552

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
vikrom
วันที่ 30 เม.ย. 2552

ถ้าดูโลภมูลจิตก็รู้สึกสบายๆ ครับ แต่ถ้าดูโทสแล้ว........เหนื่อยจริงๆ เปลี่ยนไปดูเวทนาบ้างก็น่าจะดีนะครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 30 เม.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
paderm
วันที่ 1 พ.ค. 2552

อ้างอิงจาก : หัวข้อ 11978 ความคิดเห็นที่ 8 โดย vikrom

ถ้าดูโลภมูลจิตก็รู้สึกสบายๆ ครับ แต่ถ้าดูโทสแล้ว........เหนื่อยจริงๆ เปลี่ยนไปดูเวทนาบ้างก็น่าจะดีนะครับ

ขออนุโมทนาครับ


ขณะที่รู้ ตามความเป็นจริงไม่ว่าสภาพธรรมอะไร ย่อมไม่เหนื่อยเพราะเห็นถูก แต่ขณะที่ไม่เข้าใจ อยากรู้หรือเดือดร้อนกับสภาพธรรมนั้น ขณะนั้นย่อมเหนื่อยเพราะไม่เข้าใจสภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา แม้สติจึงไม่สามารถที่จะเลือกไปดูสภาพธรรมอะไร ตามความพอใจแล้วแต่สติ เกิดระลึกรู้สภาพธรรมอะไรครับ เพราะสภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เมตตา
วันที่ 1 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนาคุณ paderm ค่ะ ความเข้าใจในลักษณะสภาพธรรมควรพิจารณาจนเป็นความเข้าใจที่มั่นคงในลักษณะสภาพธรรม สัญญาจำในลักษณะสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริงเป็นเหตุใกล้ให้สติเกิดระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรม โดยไม่มีตัวตนไประลึก หรือไปนึกคิดถึงลักษณะสภาพธรรม

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
vikrom
วันที่ 3 พ.ค. 2552

ใช่เลยครับ ผมหลงลืมสติบ่อยมากๆ เวลาได้ยินเสียงที่ไม่น่ายินดีพอใจ ขณะนั้นจิตเป็นโทสไปแล้ว ก็เลยรู้สึกเหนื่อยเพราะยังอยากจะอบรมสติกับอารมณ์นี้ จริงๆ แล้วผมเดือดร้อนกับสภาพธรรมที่เป็นโทสนี้มาก แต่ยังไม่มีบารมีพอที่จะไปรู้ ผมคงต้องเดินไปที่อื่นแล้ว เริ่มต้นใหม่กับอารมณ์อื่นๆ ที่สามารถรู้ได้น่าจะดีกว่าใช่ไหมครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
paderm
วันที่ 3 พ.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

สภาพธรรมทั้งหลายมีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้นครับ แม้โทสะ จึงควรเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดา การอบรมปัญญาต้องละความเห็นผิดว่าเป็นเราก่อนที่จะดับโทสะครับ ละความเห็นผิดว่าเป็นเราที่โกรธ โกรธเกิดแล้วเป็นธรรมดา ไม่ต้องหนีแต่ค่อยๆ เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่พยายามหาวิธีไม่ให้โกรธ คงเป็นไปไม่ได้ เรียนรู้ รู้จักสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยปัญญาว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา นี่คือหนทางที่ถูกต้องครับ แต่ต้องไม่ลืมว่าสติและปัญญา เป็นอนัตตา ตามเหตุปัจจัย ฟังต่อไปนะครับ เป็นกำลังด้วยความเข้าใจพระธรรม

ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
vikrom
วันที่ 4 พ.ค. 2552

ขอบคุณมากครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ตะวัน
วันที่ 10 ก.พ. 2553
เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้และขออนุโมทนาด้วยครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 10 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
ตะวัน
วันที่ 11 ก.พ. 2553
ผมจะพิจารณาโดยละเอียด ขอบพระคุณมากครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
Supakij.k
วันที่ 11 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
rojanasak
วันที่ 14 ก.พ. 2553

อกุศลจิตเกิดขึ้นแล้วทำให้จิตเศร้าหมองและกุศลจิตเกิดขึ้นแล้วทำให้จิตเบิกบานชุ่มชื่น มีสติระลึกรู้ขณะที่อารมณ์มากระทบ ยกตัวอย่างเช่น มีคนด่าเราก็รู้ว่ามีเสียงมากระทบประสาทหู (ได้ยินเสียง) ไม่ใช่ตัวตน เมื่อขณะรู้สภาพธรรมจริงๆ จะไม่แปลความหมายของเสียง คือระลึกรู้ ''ปรมัตถธรรม'' จิตเป็นผู้รู้มีหน้าที่รู้ธรรมทั้งปวง

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
paderm
วันที่ 14 ก.พ. 2553

เรียน ความเห็นที่ 19

จิตมีหน้าที่รู้อารมณ์เท่านั้น ไม่ได้รู้ตามความเป็นจริง ปัญญาต่างหากมีหน้าที่รู้ธรรมทั้งปวงตามความเป็นจริง ปัญญาที่เป็นสติปัฏฐานไม่ใช่ขั้นคิดนึก แต่เป็นการรู้ลักษณะของสภาพธรรม ไม่มีใครตามดู ไม่สามารถดูจิตได้ สติและปัญญาเป็นอนัตตาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
rojanasak
วันที่ 16 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

คุณ paderm ช่วยชี้แจงให้ชัดเจนมากกว่านี้อีกนิดครับที่ว่า ''ปัญญาต่างหากมีหน้าที่รู้ธรรมทั้งปวงตามความเป็นจริง ' ตามที่ผมทราบ คือ จิตมีหน้าที่รู้ แต่ปัญญา คือ ความรู้ที่เกิดจากสติระลึกรู้ตามจริง ครับ รบกวนแนะนำให้ละเอียดด้วยครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
paderm
วันที่ 16 ก.พ. 2553

เรียน ความเห็นที่ 21

จิตมีหน้าที่รู้อารมณ์ แต่ไม่ได้รู้ตามความเป็นจริงเหมือนปัญญา ยกตัวอย่างเช่น จิตเห็นเป็นจิตประเภทหนึ่ง จิตทำหน้าที่รู้อารมณ์ (อารมณ์คือสิ่งที่ถูกจิตรู้) คือรู้สิ่งที่ปรากฎทางตา (สี) แต่ไม่ได้รู้ตามความเป็นจริงว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่ได้รู้ว่าสิ่งที่ปรากฏทางตา (สี) ไม่เที่ยงครับ แต่ปัญญาทำหน้าที่รู้ตามความเป็นจริง รู้ว่าไม่เที่ยงเป็นทุกข์และเป็นอนัตตา เป็นต้น ซึ่งปัญญาก็มีหลายระดับ เหตุให้เกิดปัญญาเริ่มจากการฟังให้เข้าใจครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ...

ปัญญา ด้วยอรรถว่า ย่อมรู้ทั่ว

ธรรมที่ชื่อว่า ปัญญา [ธรรมสังคณี]

[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 228

อธิบายคำว่าจิต

พึงทราบวินิจฉัยใน บทว่า จิตฺต สภาวะที่ชื่อว่า จิต เพราะอรรถว่าย่อมคิด คือ ว่า ย่อมรู้แจ้งซึ่งอารมณ์

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
khampan.a
วันที่ 16 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
rojanasak
วันที่ 17 ก.พ. 2553

ขอขอบพระคุณ คุณ padrem มากครับ ด้วยกระผมผู้มีปัญญาอันน้อยนิด จึงพินิจพิจารณาธรรมปัญญาไม่เข้าใจ และยังไม่ถึงซึ่งปัญญาญาณ กระผมจะเพียรดำเนินทางเอกต่อไปขอรับ

ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาสาธุธรรมทั้งปวงด้วยเกล้า

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
jaran
วันที่ 17 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
รากไม้
วันที่ 18 ก.พ. 2553

สัญญาจำในลักษณะสภาพธรรม ตรงตามความเป็นจริง เป็นเหตุใกล้ให้สติเกิดระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรม

ผมขอขอบคุณ คุณเมตตา มากๆ เลยครับ สำหรับประโยคนี้ ...

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
Jans
วันที่ 18 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 28  
 
วิริยะ
วันที่ 19 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 29  
 
chatchai.k
วันที่ 21 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ