แนวทางเจริญวิปัสสนา
: การเจริญสมถภาวนามีอารมณ์ตั้ง ๔๐ ประเภท เห็นว่าส่วนใหญ่นิยมอานาปานสติ เข้าใจว่าจะไม่สามารถขัดเกลากิเลส ไม่ถึงพระนิพพานหรือบรรลุอริยสัจจธรรมได้
: ถ้าเป็นการเจริญสมถภาวนาก็ดับกิเลสไม่ได้ เพราะไม่บรรลุถึงนิพพานซึ่งเป็นการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม
: ถ้าอย่างนั้นการจะขัดเกลากิเลสได้ อย่างบุคคลทั่วไปนี้ที่มุ่งจะขัดเกลากิเลสให้ถึงพระนิพพาน แต่ว่าเขาไม่เข้าใจเลยว่าในชีวิตประจำวันนี้อะไรเป็นเหตุให้เรายึดถือ ถ้าเผื่อไม่เข้าใจ แต่เป็นโลภะ หรือเป็นความต้องการที่ว่าอยากจะละกิเลสอย่างเดียวโดยที่ไม่รู้จักกิเลส จะสามารถเจริญสติปัฏฐานหรือไม่
: เป็นไปไม่ได้
: สมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา ทั้ง ๒ อย่างเจริญไม่ได้
: เข้าใจเอาเองว่ากำลังเจริญสมถภาวนา หรือ วิปัสสนาภาวนา แต่เมื่อไม่ใช่ปัญญา ก็เจริญสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนาไม่ได้
: ทีนี้ถ้าจะเจริญสติปัฏฐาน อาจารย์จะมีแนวทางอย่างไรให้เขาพิจารณา
: ไม่มีใครเร่งรัดให้ใครเจริญสติปัฏฐานได้ ไปเอาเด็กมานั่งเข้าแถวแล้วบอกให้เจริญสติปัฏฐาน เด็กไม่รู้จักกิเลสเลยและก็ไม่ได้อยากละกิเลสด้วยแล้วเด็กจะเจริญสติปัฏฐานได้อย่างไร เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็ยังไม่ได้หมดกิเลส ผู้ใหญ่ทุกคนก็มีกิเลสคนละเยอะๆ ทั้งนั้น ลองถามผู้ใหญ่แต่ละคนว่าอยากหมดกิเลสไหม ส่วนใหญ่ก็บอกว่าไม่อยากหมดกิเลส แม้บางคนจะบอกว่าไม่อยากมีกิเลส แต่เมื่อเอ่ยคำว่า “กิเลส” นั้นรู้จักกิเลสจริงๆ หรือยัง โลภะเป็นกิเลส อยากมีโลภะไหม ไม่ชอบชื่อโลภะแต่ว่าต้องการโลภะทุกขณะ นี่แสดงว่าไม่เข้าใจลักษณะโลภะซึ่งเป็นกิเลส อาหารอร่อยไหม เสื้อผ้าอาภรณ์สวยไหมเพลงนี้เพราะไหม กลิ่นนั้นหอมไหม เก้าอี้อย่างนี้อ่อนนุ่มดีไหม กระทบสัมผัสแล้วสบายไหม นี่คือไม่ชอบชื่อโลภะ แต่ทุกขณะจิตต้องการโลภะ การเจริญสติปัฏฐานเป็นการเจริญสติปัญญา ไม่ใช่การอยากทำสมาธิ
ดาวน์โหลดหนังสือ --> ปรมัตถธรรมสังเขป