ขอเพียงเข้าใจธรรม


    เมื่อเช้านี้ฟังเรื่องฝั่งนี้กับฝั่งโน้น ฝั่งนี้คือกิเลสทั้งนั้นเลย ฝั่งโน้นคือดับกิเลส

    เพราะฉะนั้นพอคิดถึงฝั่ง ก็มองเห็นเป็นฝั่งไป และก็มีแม่น้ำขวางกั้น แต่ความจริงก็คือว่า จากผู้มีกิเลสมากๆ นับประมาณไม่ได้เลย เหมือนภูเขาใหญ่ที่อยู่ใต้น้ำ โผล่ยอดมานิดเดียวให้เห็น เพราะฉะนั้นสิ่งที่สะสมอยู่ในใจจะมากมายสักแค่ไหน ทั้งฝ่ายกุศล และอกุศล แต่ถ้าในวันนี้อกุศลยังมีมากอยู่ ก็แสดงให้เห็นว่า กุศลที่จะเกิดไม่พอที่จะทำให้อกุศลลดน้อยลง แต่พระอริยบุคคลอกุศลไม่เท่าปุถุชน เพราะว่าไม่มีความเห็นผิดเกิดร่วมกับโลภะอีกเลย จะมีแต่ความยินดีในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ในอะไรก็ตามโดยที่ไม่มีความเห็นผิดว่า สิ่งนั้นเที่ยง หรือสิ่งนั้นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่มีความเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง เพราะกว่าจะรู้ความจริงต้องเริ่มจากการฟังด้วยความมั่นคงว่า แม้แต่เพียงทางตาขณะนี้เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้

    ทำไมต้องเข้าใจอย่างนี้ละคะ ก็เป็นความจริง และถ้าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ ค่อยๆ คลายความติดข้องไหมคะ ไม่ว่าอะไรทั้งหมด ที่ติดข้องเพราะเห็น แต่ถ้าไม่เห็นเลย ก็ไม่สามารถจะติดข้องในสิ่งที่ไม่เห็นได้ แล้วเมื่อไรจะไม่เห็น เพราะมีปัจจัยที่จะต้องเห็น มีปัจจัยที่จะต้องติดข้อง เพราะฉะนั้นกว่าจะถึงความเป็นพระโสดาบันหรือพระอริยบุคคล ปัญญาของท่านต้องจากการฟัง มีความเข้าใจในสิ่งที่ฟัง

    เพราะฉะนั้นเกิดมาแล้ว ขอเพียงเข้าใจธรรม เพราะฟังธรรมเพื่อจะมีเห็นถูก และความเข้าใจธรรมตลอดจนถึงอรหัตมรรค อรหัตผล เพราะว่าจะขาดความเข้าใจไม่ได้เลย แต่ต้องตามลำดับ และไม่ใช่เร่งร้อนด้วยความอยาก ด้วยความเป็นตัวตน เพราะเหตุว่าพระธรรมทั้งหมดเป็นเรื่องละ


    หมายเลข 8308
    11 ม.ค. 2567