เปิดจิตได้จะเจออะไร


    ได้ยินคำว่า “สังขารขันธ์” ไม่มีตัวเราอีกต่างหากไปทำ แต่ชั่วขณะที่กำลังฟังสะสมกับการที่เคยได้ฟังในอดีตชาติ หรือว่าในวันก่อนๆ ก็ทำให้ขณะนี้คิดอย่างนี้ เริ่มเข้าใจอย่างนี้ เพราะฉะนั้นสังขารขันธ์ก็ทำหน้าที่เหมือนสิ่งที่เก็บไว้อย่างดีในจิต แต่จิตเป็นนามธาตุ นามธรรม ไม่มีใครเห็น ถ้าเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ เราก็สามารถเปิดจิตออกดู แล้วก็รู้ว่า ในจิตนั้นสะสมอะไรมาบ้าง ทั้งกุศล และอกุศล ทั้งความจำ ตลอดตั้งแต่เด็กจนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ แต่แม้ไม่ใช่รูป นามธรรมก็เหมือนอย่างนั้นแหละ คือ ไม่ว่าอะไรที่เกิดแล้วดับแล้ว ก็สะสมสืบต่อโดยความไม่รู้ว่า เป็นธรรม

    เพราะฉะนั้นกว่าความรู้ว่าเป็นธรรมจะมั่นคง ก็ต้องอาศัยการฟัง พิจารณา ค่อยๆ เข้าใจขึ้น เพื่อละความไม่รู้ และละความติดข้อง โดยเข้าใจความเป็นธรรมของสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้เพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ทีละเล็กทีละน้อยจริงๆ เพราะเหตุว่าเห็นขณะนี้ น้อยหรือมาก ชั่ว ๑ ขณะ แต่ว่าเห็นดับแล้ว ความติดข้องเกิดทันที สะสมมาพร้อมที่จะมีกำลัง เห็นแล้วก็ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง แล้วสะสมมานานเท่าไร ขณะที่ชอบไม่ชอบ ก็มีความไม่รู้ความจริงด้วย

    เพราะฉะนั้นกว่าความจริงจะลดความไม่รู้ เพราะเมื่อรู้ว่า ธรรมเป็นธรรม อีกนานไหม เพราะเหตุว่าสะสมความไม่รู้มามาก

    เพราะฉะนั้นหนทางเดียวคือฟัง แล้วค่อยเข้าใจขึ้นเป็นสังขารขันธ์ ชีวิตก็ดำเนินไปตามการสะสมเก่าๆ ที่ได้สะสมมาแล้ว รวมทั้งใหม่ๆ ที่เพิ่งสะสมอีกแต่ละชาติ ก็ทำให้ชีวิตต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย แต่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ได้เข้าใจพระธรรม ได้สะสมความเห็นถูก แม้ทีละน้อย ก็เป็นประโยชน์ เพราะเหตุว่ากำลังเป็นสังขารขันธ์ที่จะสะสมสืบต่อไปให้มีความเห็นถูกในสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะว่าการที่จะดับกิเลส ไม่ใช่ไม่รู้อะไร จะเป็นพระอริยบุคคลโดยไปนั่งทำอะไร แล้วก็ไม่รู้อะไรที่กำลังปรากฏ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ตามเหตุตามผล

    เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องไปคิดถึงพระอริยบุคคล ไม่ต้องไปคิดถึงนิพพาน ไม่ต้องคิดถึงการตรัสรู้ของผู้ที่จะเป็นพระอริยบุคคล คือรู้อริยสัจ ๔ แต่เข้าใจธรรมที่ได้ฟัง เพราะเป็นเรื่องเดียวกัน คือ เป็นอริยสัจนั่นเอง เพียงแต่ว่าปัญญายังไม่ถึงขั้นที่มีกำลังพอที่จะเมื่อเห็น ก็สามารถแทงตลอด คือไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่ปรากฏ โดยไม่รู้ ไม่เข้าใจ แต่เริ่มที่จะเข้าใจจริงๆ เหมือนสิ่งที่กั้นไว้ ค่อยๆ น้อยลง จนกระทั่งสามารถเห็นสิ่งที่เป็นจริงที่ไม่เคยรู้มาก่อน


    หมายเลข 8310
    18 ก.พ. 2567