สิ่งที่มีค่าของแต่ละคน ๑


    ท่านอาจารย์ ไม่ทราบมีใครรู้ทุกข์หรือยัง เพราะว่าจริงๆ แล้วถ้ามี

    ผู้ฟัง พระภิกษุในครั้งนั้นว่า ท่านบวชในธรรมวินัยนี้เพื่ออะไร พระภิกษุจะตอบท่านผู้นั้นว่า เพื่อรู้ทุกข์ หรือเพื่อเห็นทุกข์

    แสดงว่าไม่ใช่สิ่งที่จะเห็นหรือจะรู้ได้ง่ายๆ แม้ว่ากำลังมีทุกข์อยู่ ก็ไม่เห็น เพราะว่าจะต้องเห็นด้วยปัญญา

    ผู้ฟัง จริงค่ะ การเห็นทุกข์ เห็นได้ยากอย่างยิ่ง เพราะรู้สึกว่า เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่กับเราอย่างแนบแน่น เราไม่เห็นได้เลย จะมองเห็นเป็นตัวเรา ความต้องการก็เรา เมื่อไม่ได้ตามต้องการก็โกรธ ก็เป็นไปตามสภาพอันนั้น โดยที่เรียกว่า ขาดปัญญา ใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ คือไม่รู้เหตุของทุกข์ว่าอะไรทำให้เกิดทุกข์ แต่อยากได้สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ ไม่รู้จักทุกข์ แต่อยากได้สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์

    ผู้ฟัง ที่ท่านอาจารย์พูดว่า เพราะไม่รู้จักทุกข์

    ท่านอาจารย์ จึงอยากได้สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์

    ผู้ฟัง เพราะความไม่รู้ แล้วทำอย่างไรถึงจะให้รู้ว่า ทุกข์นั้นคือสภาพอย่างไร

    ท่านอาจารย์ ถ้าถามว่า ทำอย่างไรจะให้รู้ ใช่ไหมคะ รู้ คือ ปัญญา เงินซื้อไม่ได้ ทำก็ไม่ได้ มีทางเดียวคือฟังพระธรรมให้เข้าใจ นี่คือความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ซึ่งเป็นปัญญา แล้วยอมเรียนกันไหมคะ เพราะว่าโดยมาก ยอมทุกอย่าง นอกจากเรียน ให้ทำอะไรก็ทำ แต่ไม่เรียน ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ทำไมไม่เรียนก็ไม่ทราบ กลัวอะไร หรือว่าเบื่อ หรือว่าอะไร ในเมื่อการเรียนหมายถึงการได้ยิน ได้ฟัง การไตร่ตรอง การพิจารณาจนกระทั่งเป็นความเห็นที่ถูกต้อง และยากแสนยากที่จะมีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรม

    เพราะฉะนั้นเมื่อมีพระธรรม แล้วก็ยังไม่อยากได้ยินได้ฟังอีก ก็หมดหนทางค่ะ ก็ต้องเป็นทุกข์ต่อไป

    ผู้ฟัง ที่ท่านอาจารย์พูดถึงจุดนี้ ทุกๆ คนอยากจะพ้นทุกข์โดยยังไม่เข้าใจสภาพของทุกข์

    ท่านอาจารย์ แต่ให้เรียน ให้ศึกษาธรรมไม่เอา

    ผู้ฟัง ส่วนมากที่เป็นที่เป็นเช่นนั้นเพราะอะไรคะ เพราะการสะสม หรือเพราะเรายังไม่เจอสภาพที่แท้จริง หรือเป็นเพราะบุญหรือกรรมของเรา มันมีส่วนด้วยหรือเปล่าคะ

    ท่านอาจารย์ เพราะไม่เห็นคุณค่าของพระธรรม

    ผู้ฟัง เพราะไม่เข้าใจหรือเปล่าคะ

    ท่านอาจารย์ ไม่เห็นคุณค่าเลย ถ้ารู้ว่ามีค่า มีใครบ้างที่ไม่ต้องการ


    หมายเลข 8295
    9 ม.ค. 2567