เท่าที่เราจะรู้ได้


    ถาม   อยากจะทราบตรงปัญจทวาร เมื่อเรารับรู้สีทางตาแล้ว เมื่อไปสู่มโนทวาร วาระแรกที่อาจารย์ได้อธิบายว่า วาระแรกเท่านั้นเองที่เป็นปรมัตถธรรม นอกนั้นแล้วจะเป็นการปรุง การคิด

    สุ.   ใช้คำว่า วาระหลังๆ ไม่กำหนดค่ะ อาจจะเป็นปรมัตถ์กี่วาระก็แล้วแต่

    ผู้ถาม อยากจะฟังตรงนี้ให้ชัดๆอีกสักครั้งค่ะ ตั้งแต่ทางปัญจทวาร

    สุ.   ปัญจทวารวิถีจิตดับแล้ว จิตเป็นอะไร

    ผู้ถาม ปัญจทวารวิถีจิตแล้ว จิตเป็น

    สุ.   นี่ค่ะ เราไม่รีบร้อนไปตรงนั้นตรงนี้  แต่เราจะเข้าใจย้อนไปย้อนมาให้ถูกต้องตามความเป็นจริงว่า ความเข้าใจของเรานี่ เข้าใจโดยไม่ต้องไปท่อง ไม่ต้องไปจำ แต่เข้าใจจริงๆว่า เมื่อปัญจทวารวิถีจิตดับหมด จึงเป็นภวังค์ แล้วต่อจากจากนั้นอะไรเกิดขึ้น

    ผู้ถาม มโนทวาราวัชชนจิต

    สุ.   มโนทวาราวัชชนะเกิดขึ้น และต่อจากนั้นก็เป็นชวนจิต เหมือนกับทางปัญจทวาร เพราะฉะนั้นก็คู่กันทั้งทางมโนทวารและปัญจทวารทุกครั้ง

    ผู้ถาม แค่วาระแรกวาระเดียวนั่นเองที่เป็นปรมัตถ์ นอกนั้นแล้ว

    สุ.   ทางมโนทวารวาระแรกต้องเป็นปรมัตถ์ แต่เราจะไม่กำหนดว่ากี่วาระ เราใช้คำว่า “วาระหลังๆ” เพราะอะไรคะ เท่าที่เราจะรู้ได้

    การศึกษาธรรมต้องรู้ว่า สามารถจะเข้าใจได้แค่ไหน รู้จริงได้แค่ไหน ไม่ใช่เราไปคร่ำเคร่งกับตำรา ตำรานี้พม่าว่าอย่างนี้  ลังกาว่าอย่างโน้น ไทยว่าอย่างนี้ มหายานว่าอย่างนี้ ก็พอดีใครจะรู้ ถ้าไม่ใช่ปัญญาของเราเอง

    เพราะฉะนั้นถ้าปัญญาของเราเอง สามารถจะรู้ได้แค่ไหน ก็ควรจะเข้าใจให้ถูกต้องแค่นั้น ส่วนใครจะบอกว่าอย่างไร เขารู้ได้ไหม ถ้าเขารู้ไม่ได้ ก็เรื่องของเขาที่จะนั่งค้นคว้ากันไป ตำราโน้น ตำรานี้อีกหลายตำรา


    หมายเลข 8274
    8 ก.ย. 2558