จิตคือสภาพรู้ทั้งหมด
ท่านอาจารย์ เรื่องจิตไม่ทราบชัดหรือยังคะ
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์
เพราะฉะนั้นต้องแยกจิตออกจากรูปว่า รูปไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้น ไม่ง่วง ไม่หิว รูปแข็ง รูปอ่อน รูปหวาน รูปเค็ม รูปร้อน พวกนี้เป็นรูป แต่ว่านามธรรมเป็นสภาพรู้อ่อน รู้ร้อน รู้เย็น รู้หวาน รู้เปรี้ยว นามธรรมที่นี้มองไม่เห็นเลย แต่หมายความถึงสิ่งที่มีจริง ที่ไม่มีรูปร่าง แล้วเราใช้คำว่า “จิต” เพราะว่าเป็นสภาพที่เป็นใหญ่ เป็นประธานในการเห็นบ้าง การได้ยินบ้าง
อันนี้เข้าใจเรื่องจิตแล้วใช่ไหมคะ
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์
ถ้าไม่เรียก “จิต” เรียก “เห็น” มีไหมคะ มีนะคะ ถ้าไม่เรียก “จิต” เรียก “ปวดเมื่อย” มีไหมคะ มี ปวดเมื่อยนี่ร่างกายปวดเมื่อย หรือร่างกายไม่รู้อะไร แล้วปวดเมื่อยเป็นอีกอย่างหนึ่งซึ่งอาศัยร่างกายจึงได้ปวดเมื่อย ถ้าไม่มีรูป จะไม่ปวดเมื่อยเลย ใช่ไหมคะ แต่รูปนี่แค่อ่อน แค่แข็ง เพราะฉะนั้นปวดเมื่อยไม่ใช่อ่อน ไม่ใช่แข็ง ปวดเมื่อยมีจริง ไม่ใช่อ่อน ไม่ใช่แข็ง และปวดนี่เจ็บ เมื่อยก็ไม่สบาย คันก็ไม่สบาย พวกนี้เป็นลักษณะอาการของความไม่สบายกาย
เพราะฉะนั้นถ้ามีกาย จะมีการรู้สิ่งที่กระทบกาย เวลานี้เราไม่รู้ว่า ทั่วทั้งตัวของเรามีกายปสาทซึมซาบอยู่ทั้งข้างในข้างนอก ถ้ากระทบส่วนที่ร้อน จะรู้สึกไม่สบายกายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหรืออาการอะไรก็ตามแต่ เป็นธาตุต่างชนิด ขณะนั้นเป็นสิ่งที่มีจริง จะใช้คำว่า “จิต” ก็ได้ จิตรู้สิ่งที่กระทบกายและเกิดความปวดขึ้น
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์
นี่ต้องแยกร่างกายออกจากจิตใจ เป็นจิตที่รู้ รู้สารพัดรู้ รู้ไปหมดเลย จิตรู้ทุกอย่างเลย
ผู้ฟัง
ท่านอาจารย์