สัมมาสมาธิเป็นอย่างไร


    ผู้ฟัง สมมตินั่งหลับตาแล้วก็ไม่ได้อะไรเลย ไม่รู้อะไรเลย อันนั้นคงจะเป็นมิจฉาสมาธิ

    ท่านอาจารย์ แน่นอนค่ะ

    ผู้ฟัง ทีนี้ก็อยากจะทราบว่า สัมมาสมาธิเป็นอย่างไร วันก่อนอาจารย์อธิบายว่า ถ้าสมาธิเป็นไปในทางไม่ดี ก็เป็นอกุศล ถ้าเป็นไปในทางดี ก็เป็นกุศล

    ท่านอาจารย์ ถ้าไม่ประกอบด้วยปัญญาก็ดีไม่ได้แน่

    ผู้ฟัง อยากจะทราบสัมมาสมาธิว่า เมื่อเกิดขึ้นเป็นอย่างไร และย้อนกลับมาที่ “ภาวนา” อีกนิดหนึ่ง ถ้าเราภาวนา การตั้งใจดี ทำให้จิตดีขึ้น อบรมจิตใจให้ดีขึ้น การภาวนาจะทำให้เกิดสมาธิอย่างนั้นหรือเปล่าครับ

    ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ค่ะ อันนี้เราเอาภาษาไทยมาใช้เอง

    ทีนี้จุดเริ่มแรกเรื่องของสัมมาสมาธิ ก่อนที่จะพูดเรื่องสมาธิ ควรจะพูดเรื่องสมาธิก่อน สมาธิเป็นจิต หรือเป็นเจตสิก หรือเป็นรูป

    ถ้าเราจะศึกษาธรรม เราจะทิ้ง ๓ ตัวนี้ไม่ได้เลย คือ สภาพธรรมที่แท้จริงที่มีจริงๆ แม้ว่าเราไม่เรียกชื่ออะไรเลย สภาพธรรมนั้นก็มี แล้วก็เปลี่ยนลักษณะไม่ได้ด้วย และลักษณะใหญ่ๆ ก็คือ เป็นจิตประเภทหนึ่ง เป็นเจตสิกประเภทหนึ่ง เป็นรูปประเภทหนึ่ง จะพ้นจากจิต เจตสิก รูปไม่ได้ ไม่ว่าจะพูดคำอะไรขึ้นมาทั้งนั้น

    เพราะฉะนั้นเมื่อกี้พูดถึงสมาธิ สมาธิเป็นจิต หรือเป็นเจตสิก หรือเป็นรูป ดีใช่ไหมคะที่เราได้คิด ถ้าเราไม่คิด เพียงแต่ฟังเขา ก็ไม่ใช่ปัญญาของเรา แต่ถ้าเราไตร่ตรองพิจารณาในเหตุผลด้วยตัวเอง ก็จะเป็นปัญญาของเรา

    เพราะฉะนั้น สมาธิจะเป็นจิต หรือจะเป็นเจตสิก หรือจะเป็นรูป มีแค่ ๓ ให้เลือก เป็นเจตสิก ถูกต้อง เพราะว่าที่ใช้คำว่า “สมาธิ” ได้แก่ เจตสิกชนิดหนึ่ง ภาษาบาลีใช้คำว่า “เอกัคคตาเจตสิก” “เอกะ” คือ “หนึ่ง” ขณะใดที่จดจ้องหรือตั้งมั่นอยู่ที่อารมณ์หนึ่ง ขณะนั้นเป็นลักษณะของสมาธิ แต่สิ่งที่เราไม่รู้ก็คือว่า เอกัคคตาเจตสิกเกิดกับจิตทุกขณะอันนี้เราไม่ทราบ แต่ว่าตามความเป็นจริงแล้ว การที่จิตเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง รู้อารมณ์หนึ่ง จะมีเอกัคคตาเจตสิกที่ตั้งมั่นในอารมณ์นั้นทีละหนึ่งๆ ขณะ

    ทีนี้ถ้าเราจดจ่ออยู่ที่อารมณ์เดียวนานๆ ลักษณะของเอกัคคตาเจตสิกซึ่งซ้ำอยู่ที่อารมณ์เดียวมากๆ ก็ปรากฏลักษณะของสมาธิ คือ การจดจ้องแน่วแน่อยู่ที่หนึ่งที่ใด เวลาจะฉีดยามีสมาธิไหมคะ มี ไม่อย่างนั้นคนไข้คงจะเจ็บแย่ เพราะอาจจะผิดๆ ถูกๆ

    เพราะฉะนั้น ในขณะนั้นเป็นลักษณะของสมาธิ แสดงให้เห็นว่า เอกัคคตาเจตสิกซึ่งเกิดกับจิตทุกดวงจริง แต่ถ้าขณะใดซึ่งไม่ตั้งจดจ้องอยู่ที่อารมณ์เดียวนานๆ ลักษณะของสมาธิจะไม่ปรากฏ ทั้งๆ ที่เอกัคคตาเจตสิกเกิดกับจิตทุกดวงอยู่แล้ว

    เพราะฉะนั้นโดยมากเวลาที่เราอ่านหนังสือ แล้วไม่สนใจเรื่องอื่นเลย ขณะนั้นเราก็รู้ว่า กำลังเป็นสมาธิ ขณะนั้นเป็นมิจฉาสมาธิหรือสัมมาสมาธิ ขณะที่กำลังอ่านหนังสือแล้วจดจ้อง แล้วเราก็รู้ว่า เราไม่ได้สนใจอย่างอื่นเลยนอกจากเรื่องที่เราอ่าน ขณะนั้นเป็นสมาธิ นี่เราเริ่มรู้จักหน้าตาของสมาธิแล้ว แต่ว่าขณะนั้นเป็นสัมมาสมาธิหรือมิจฉาสมาธิ

    ให้เลือก ๒ อย่าง สัมมาสมาธิหรือมิจฉาสมาธิ มิจฉาสมาธิ ถ้ากุศลจิตไม่เกิด

    ถ้ากุศลจิตไม่เกิด สมาธิทั้งหมดเป็นมิจฉาสมาธิ

    เพราะฉะนั้น โดยมากเราจะใช้คำเดียว คือ สมาธิ และเพราะเหตุว่าเราไม่ได้ศึกษา เราก็ตื่นเต้น พอใครเขาพูดสมาธิ เราก็สนใจว่า เขาทำอย่างไร เราก็อยากจะทำบ้าง


    หมายเลข 8092
    4 ม.ค. 2567