พิจารณาปกตูปนิสสยปัจจัยตั้งแต่ปฏิสนธิจิต


    ถ้าจะเข้าใจตามภาษาไทย   อุปนิสัยนั่นเองที่แต่ละคนสะสมมาแล้วด้วยดีเป็นปกตูปนิสสยปัจจัย   แต่ว่าสำหรับอุปนิสสยปัจจัย   ปกตูปนิสสยปัจจัยนี้   เป็นปัจจัยซึ่งกว้างขวางมาก   เพราะฉะนั้นก็คงจะต้องพิจารณาเป็นลำดับไปตั้งแต่ปฏิสนธิ   

    ทุกท่านทราบว่า   ปฏิสนธิจิตเป็นวิบากจิต  โดยชาติ   คือ  ไม่ใช่จิตที่กระทำกรรมในขณะนั้น   ไม่ใช่กุศลจิตและอกุศลจิต   เพราะเหตุว่ากุศลจิตหรืออกุศลจิตเป็นเหตุ   เป็นปัจจัยที่จะให้เกิดกุศลวิบากหรืออกุศลวิบาก   เพราะฉะนั้นในขณะที่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นทำกิจสืบต่อจากจุติจิตของชาติก่อน  ปฏิสนธิจิตเป็นวิบากจิต เป็นผลของกรรมหนึ่งกรรมเดียวเท่านั้นในกรรมหลาย ๆ กรรมซึ่งได้กระทำทุก ๆ ชาติมาเนิ่นนานมาแล้ว  แล้วแต่ว่ากรรมหนึ่งกรรมใดจะทำให้วิบากจิตเกิดขึ้นทำปฏิสนธิกิจ  ซึ่งถ้าเกิดในภูมิมนุษย์   เป็นสุคติภูมิ   ก็เป็นกุศลวิบาก   แต่เป็นกุศลขั้นกามาวจรกุศล   ยังเป็นไปในรูป  เสียง  กลิ่น  รส  โผฏฐัพพะ  เพราะฉะนั้นก็เป็นกามาวจรวิบาก   หรือมหาวิบากที่ทำกิจปฏิสนธิในขณะแรกในภพนี้   

    เห็นปกตูปนิสสยปัจจัยที่ทำให้วิบากจิตเกิดขึ้นทำกิจปฏิสนธิไหมคะ  เพราะเหตุว่ากรรมมีมากมายหลายกรรมเหลือเกินในชาติก่อน ๆ หลายชาติ  แสนโกฎิกัปป์ชาติมาแล้ว  กรรมใดซึ่งสามารถเป็นปัจจัยทำให้วิบากจิตทำกิจปฏิสนธิในภูมินี้  กรรมนั้นเป็นอุปนิสสยปัจจัยที่ทำให้วิบากจิตเกิดขึ้นทำปฏิสนธิกิจ  หมายความว่า   เป็นกรรมซึ่งมีกำลังแรงกล้าที่จะทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น

    หลังจากปฏิสนธิจิตแล้ว   ไม่ว่าแต่ละขณะในชีวิตจะมีการเห็น  จะมีการได้ยิน  จะมีการได้กลิ่น   จะมีการได้ลิ้มรส   จะมีการรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย   ซึ่งในวันหนึ่ง ๆ  ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาเลย  การเห็นเป็นผลของกรรมในอดีตที่ได้กระทำแล้ว   ซึ่งกรรมนั้นเป็นอุปนิสสยปัจจัย  คือ  เป็นปกตูปนิสสยปัจจัยมีกำลังแล้วจึงสามารถทำให้จักขุวิญญาณและวิถีจิตเกิดขึ้น   เห็นสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาในขณะนั้น

    ในขณะที่ได้ยินเสียง   ในขณะที่ได้กลิ่น   ในขณะที่ลิ้มรส  ทั้งหมดนี้เป็นเพราะปกตูปนิสสยปัจจัย  คือ กรรมหนึ่งกรรมใดมีกำลังเป็นปกตูปนิสสยปัจจัยทำให้วิบากจิตนั้น ๆ  เกิดขึ้น  รู้อารมณ์ที่กำลังปรากฏ  ทางตา  ทางหู  ทางจมูก  ทางลิ้น  ทางกาย  ทางใจ


    หมายเลข 4950
    28 ส.ค. 2558